หุ้นความเสี่ยงต่ำ…

สถานการณ์ดัชนี SET ช่วงระยะสั้นอาจยัง “ผันผวน” อย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน


เส้นทางนักลงทุน

สถานการณ์ดัชนี SET Index ในช่วงระยะสั้น อาจยังปรับตัวไร้ทิศทาง “ผันผวน” อย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังมีอิทธิพล สะท้อนผ่านส่วนต่าง Bond yield รุ่น 10 ปีเทียบ 2 ปีของสหรัฐฯ ที่ ณ ขณะนี้ยืนติดลบอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความโชคดีในช่วงระยะสั้นที่อาจได้รับ Sentiment จากส่วนหนึ่งของงานไทยแลนด์ โฟกัส ซึ่งอาจทำให้ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยได้บ้าง !  เนื่องจากคาดว่างานนี้จะทำให้เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมา…

ดังนั้นในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นที่ยังมีความผันผวน…ให้ใช้เชิงกลยุทธ์การลงทุน โดยคำแนะนำจาก บล.ทรีนีตี้ ยังคงแนะนำเพียงถือหุ้นในส่วนเดิม แต่ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนใหม่จนกว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จะมีความชัดเจน หรือดัชนีปรับตัวลงไปจนถึงระดับที่มี Downside จำกัดมากกว่านี้ ซึ่งระดับ Safe zone ที่มองว่าปลอดภัยยังคงได้แก่ดัชนี 1,570 จุด ซึ่งเทียบเคียงเท่ากับ Forward P/E 14 เท่า (Magic Number) อิงกับประมาณการ EPS ปีหน้าที่ 112 บาท

หรือไม่อย่างนั้นแนะนำการจัดสรรพอร์ตหุ้นที่โฟกัสไปยังกลุ่ม Domestic play ต่อไป (Core) ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุนในสัดส่วนราว 80% สำหรับอีกส่วนหนึ่งที่เหลืออีก 20% นั้น (Satellite) แนะนำลงทุนไปยังหุ้นในกลุ่ม Cyclical ที่ลงมาจน Valuation อยู่ในระดับต่ำมากแล้ว โดยถึงแม้จะมีปัจจัยสงครามการค้าจำกัด Upside ของหุ้นเหล่านี้อยู่ แต่หากปัจจัยดังกล่าวคลี่คลายลงอย่างยั่งยืน สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าก็จะเป็นหุ้นกลุ่ม Cyclical เหล่านี้ที่ปรับตัวรีบาวด์ได้แรงมากที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้าง Alpha ให้กับพอร์ตได้

ในส่วนของการจัดสรรน้ำหนักลงทุนสัดส่วน 80% ในพอร์ตนั้น แน่นอนว่าจะเน้นเป็นกลุ่มหุ้น Domestic มองว่ามีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากมีการลงทุนในประเทศเป็นหลัก  ได้แก่

1) กลุ่มค้าปลีก ได้แก่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ BJC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL

2) กลุ่มสื่อสาร ได้แก่  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

3) กลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH

4) กลุ่มขนส่ง ได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM

5) กลุ่มสาธารณูปโภค ได้แก่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH, บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW

6) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ได้แก่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI

7) กลุ่มไฟแนนซ์ ได้แก่ บริษัท เอส 11 กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  หรือ S11, บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ  THANI, บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH

สำหรับกลุ่มหุ้น Cyclical ที่แนะนำจัดสรรน้ำหนักลงทุนสัดส่วน 20% ของพอร์ต ได้แก่

1) กลุ่มน้ำมัน ได้แก่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP

2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL

หลักทรัพย์ข้างต้นในมุมมองเชิงกลยุทธ์ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะ 7 กลุ่มหุ้นที่ลงทุนในประเทศไทยเป็นหลักสำคัญ

สิ่งสำคัญหลักทรัพย์ข้างต้นถือว่ามีพื้นฐานที่ดี พร้อมยังมี Upside ให้นักลงทุนเข้าไปลงทุน เพราะถึงอย่างไรหุ้นดังกล่าวมักเด้งเร็ว !!!

Back to top button