‘บิทคอยน์’ ปิดตัว
ปกติจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินดิจิทัลมากนัก
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
ปกติจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินดิจิทัลมากนัก
ทว่า ด้วยการทำงานข่าวด้านการเงิน ทำให้ต้องเข้าไปศึกษา ดูความเคลื่อนไหวของเงินดิจิทัลอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ช่วงเช้ามีข่าวในวงการเงินดิจิทัล เมื่อ “บริษัท บิทคอยน์ จำกัด” ผู้ให้บริการ Crypto Exchange รายแรกและรายใหญ่ที่สุดของไทยบน BX.IN.TH
พวกเขาได้แจ้งยุติให้บริการภายในสิ้นเดือนกันยายน 2562
แน่นอนว่า ต้องมีปุจฉาหรือคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น
บิทคอยน์ขาดทุนเหรอ ?
วิสัชนา : ไม่ใช่แน่นอน เพราะเข้าไปดูผลประกอบการของบิทคอยน์พบว่า มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท
ข้อมูลระบุว่า อยู่ในหมวดธุรกิจ : ทำธุรกิจเกี่ยวกับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ส่วนวัตถุประสงค์ของการทำธุรกิจคือ ประกอบกิจการค้าสกุลเงินที่ใช้สำหรับทำธุรกรรม
ส่วนกรรมการมีอยู่จำนวน 3 คนคือ 1.นายเดวิด เจสซี่ บาร์นส , 2.นางสาวพราวแสง ธมาภรณ์ และ 3.นางสาวปรารถนาอารี มูฮัมหมัดอัลโคลเลซ
ที่ตั้งของบิทคอยน์นั้นอยู่ที่ 509, 511 ถนนรามอินทรา รามอินทรา แขวงคันนายาว กรุงเทพฯ
ปีที่ส่งงบการเงินคือ ปี 2557, ปี 2558, ปี 2559, ปี 2560 และปี 2561
มาดูตัวเลขสำคัญทางการเงินกันบ้าง
ปี 2559 มีรายได้จำนวน 9.12 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 6.28 ล้านบาท (ยังไม่ถูกจัดเก็บภาษี)
ปี 2560 มีรายได้รวม 285.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (หลังหักภาษี) 212 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้รวม 379.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ (หลังหักภาษี) 224.7 ล้านบาท
จะเห็นว่า ผลประกอบการของบิทคอยน์ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ๆ
ย้อนกลับมาดูเหตุผลของบิทคอยน์ที่ประกาศยุติการให้บริการ โดยมีการระบุไว้ในเพจ Bitcoin.co.th
“บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ได้ตัดสินใจยุติบทบาทการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการให้บริการด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Asset Wallet) เนื่องจากบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในทางอื่น ๆ แทนการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล”
บิทคอยน์ แจ้งถึงการยุติให้บริการไว้เพียงเท่านี้ครับ
แต่ก็มีการเผยถึงข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับระยะเวลา การถอนสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินออกจากบัญชีที่อยู่ภายใต้ระบบ BX.IN.TH เพื่อเข้าสู่บัญชีธนาคารพาณิชย์
และหรือกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว (Personal Wallet)
นอกจากนั้นจะเป็นรายละเอียดการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของลูกค้าก่อนที่จะยุติให้บริการ
ต้องยอมรับว่า การปิดตัวของ BX.IN.TH ได้สร้างความวิตกกังวลในกลุ่มนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลของไทย
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บิทคอยน์ ก่อตั้งมาแล้วกว่า 5 ปี ในประเทศไทย มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด และหวั่นว่าผู้ให้บริการ Crypto Exchange จะเดินรอยตามบิทคอยน์หรือไม่
จากข้อมูลงบการเงินในช่วง 3 ปี บิทคอยน์ไม่ได้มีปัญหาเรื่องผลประกอบการ
ขณะที่มีข่าววงในออกมาว่า เกณฑ์ของทางการนั้น อาจจะไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจของบรรดาผู้ประกอบการมากนัก
และน่าจะสอดคล้องกับเหตุผลของบิทคอยน์ที่บอกว่า “บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในทางอื่น ๆ แทนการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล”
ล่าสุดในในช่วงเย็น ทาง สำนักงานก.ล.ต.มีข้อมูลเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวออกมาอีกครั้งเป็นรูปแบบคำถาม และคำตอบ
เช่น Q: สาเหตุของการที่ BX แจ้งจะเลิกประกอบธุรกิจ เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
A: เป็นไปตามที่บริษัทแจ้งไว้ในเว็บไซต์ (https://bx.in.th/THB/BTC/) เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2562 เวลา 06.06 น.
Q: ขั้นตอนการคืนใบอนุญาต BX นับจากวันประกาศจะเลิกประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
A: คืนทรัพย์สินลูกค้าหมด หรือกรณีมีทรัพย์สินค้าง BX ต้องวางทรัพย์กับกรมบังคับคดี หรือมีวิธีการจัดการทรัพย์สินของลูกค้าเรียบร้อย จึงสามารถยื่นคำขอเข้าสู่กระบวนการขอเลิกประกอบธุรกิจฯ ได้
Q: สถานะล่าสุดของผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต และที่ยื่นขอฯ
A: ผู้ที่ได้ license exchange – ขณะนี้มีผู้ประกอบธุรกิจ exchange แล้ว 3 ราย (รวมบริษัทที่จะเลิก) และอยู่ระหว่างรอ activate 1 ราย (ดูรายชื่อได้จาก https://www.sec.or.th/TH/Pages/Shortcut/DigitalAsset.aspx)
Q: มีผู้ประกอบการรายอื่นมายื่นขอใบอนุญาตหรือไม่ กี่ราย
A: มีผู้ยื่นคำขอเป็น exchange มาแล้ว 2 ราย และอยู่ระหว่างรับคำปรึกษา 6 ราย
Q: ผลกระทบที่คาดว่าจะมีต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล และ มุมมองของ ก.ล.ต. ต่อการที่รายใหญ่ขอเลิกประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
A: ณ เวลานี้ “เป็นเรื่องเฉพาะบริษัท” ซึ่งบริษัทยังไม่ได้ปิดการให้บริการในทันที ดังนั้น จึงต้องใช้ระยะเวลาในการติดตามผลกระทบ อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จะวิเคราะห์เรื่องนี้เปรียบเทียบกับพัฒนาการของตลาดในต่างประเทศ