เกมชักเย่อ

*หากประเมินสถานการณ์ของดัชนีในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่ารูปแบบการลงทุนในเที่ยวนี้ยังต้องยึดหลัก “Play safe” เป็นหลัก เพื่อกำหนดกระบวนยุทธ์ในการเลือกลงทุนหุ้นรายตัวได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ เพราะสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความใจแข็งสักหน่อย เพราะมีเรื่องของแรงขายต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้นะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากประเมินสถานการณ์ของดัชนีในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่ารูปแบบการลงทุนในเที่ยวนี้ยังต้องยึดหลัก “Play safe” เป็นหลัก เพื่อกำหนดกระบวนยุทธ์ในการเลือกลงทุนหุ้นรายตัวได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ เพราะสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความใจแข็งสักหน่อย เพราะมีเรื่องของแรงขายต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้นะจะบอกให้

*ยิ่งเห็นเกมชักเย่อระหว่างแรงซื้อกับแรงขายครั้งนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขยับขึ้นขยับลงของดัชนีมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะการที่ดัชนีทรุดลงไปอ่อนตัวทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,646.59 จุด ก่อนจะถูกดันขึ้นมาอยู่ในแดนบวก แล้วมาลงเอยที่ระดับ 1,654.11 จุด ลบไป 0.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.27 หมื่นล้านบาท มันเป็นธรรมชาติของเกมการเงิน เมื่อหุ้นลงไปถึงระดับหนึ่งต้องเข้าเก็บเพื่อรีบหาจังหวะขายอีกครั้งเจ้าค่ะ

*ในระหว่างนี้ถึงเห็นการสวิตช์หุ้นไปมาแบบไม่มีจุดหมายแน่นอน ซึ่งถือว่าผิดคอนเซ็ปต์ “โมนิก้า” ขอบอกว่าสิ่งที่นักเล่นมืออาชีพควรทำในภาวะดัชนีผันผวนคือการเลือกสรรหุ้นที่ยังมีอัพไซด์และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เพราะเป็นหุ้นที่ตอนนี้ยังไม่แพงเกินแวลู จึงมีต้นทุนที่ดีกว่าหุ้นตัวอื่น เพราะอาจจะได้เห็นการเคลื่อนไหวแบบสวิงตัวไปอีกพักใหญ่ ๆ นะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวเห็นชัดในรายของ SABINA ราคาหุ้นวิ่งแรงขึ้นมาปิดที่ระดับ 32.00 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 8.47% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 239.83 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 9 เดือน หากมองด้านพื้นฐานถือว่าโดดเด่นจากกำไรปีนี้มีลุ้นนิวไฮเป็นปีที่ 9 พ่วงด้วยราคาหุ้น Laggard มานาน จึงมีโอกาสทะยานขึ้นไปถึงเป้าหมาย 40 บาท รวม ๆ แล้วถือว่ามีเสน่ห์เหลือเกินเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้น CBG ยังเป็นหุ้นแรงดีไม่มีตก ถึงแม้ภาวะตลาดจะทำให้หุ้นซึมตัวลงมาบ้าง แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกเช่นกัน แถมราคาเป้าหมายของแต่ละโบรกฯ เป็นตัวการันตีได้ว่าหุ้นยังมีอัพไซด์! ดังนั้นการที่ราคาขึ้นมาปิดบวกที่ระดับ 79.50 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 3.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 691.87 ล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับ “โมนิก้า” เจ้าค่ะ…อิอิ

*ในรายของ RATCH ยังคงอยู่ในวัฏจักรขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แถว 72 บาท ล่าสุดหุ้นเคลื่อนตัวลงมาปิดลบบาง ๆ ที่ระดับ 72.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 814.90 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่ายังไม่ใช่ขาลงของหุ้นตัวนี้ เพราะยังคงมีแรงซื้อเข้ามาไม่ขาดสาย อีกทั้งสัญญาณเทคนิคยังถือว่าเป็นจุดได้เปรียบ หากราคายังไม่หลุด 71 บาท ก็ยังไม่มีอะไรให้ต้องวอร์รี่เจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่ลุ้นไม่ขึ้นคงจะหนีไม่พ้น TPIPP ราคาเริ่มคืนตัวได้ 2 วัน ก็ออกอาการเป๋ไปซะอย่างงั้น ล่าสุดหุ้นลงมาที่ระดับ 5.50 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 200.92 ล้านบาท หุ้นยังไม่สามารถข้ามผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้สักที ราคาถึงยังคงวนเวียนอยู่แถว ๆ 5.40 บาท แถมครึ่งปีหลังผลงานยังมีทีท่าว่าจะจืดสนิท ทำเอามิตรรักแฟนเพลงอกหักไปตาม ๆ กัน ใครที่จะลุ้นคงต้องพึ่งดวงซักหน่อยนะเจ้าคะ

*ส่วนหุ้น MCS กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 9.15 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 8.28% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 94.37 ล้านบาท ทำนิวไฮในรอบกว่า 1 ปี 5 เดือน สาเหตุที่ทำให้หุ้นติดลมบน เพราะมีปัจจัยหนุนมากระตุ้นรอบใหม่หลังคว้างานยักษ์ ทำเอาราคาหุ้นดีดขึ้นแรงแบบตั้งตัวไม่ติด แต่การเคลื่อนตัวลักษณะนี้ เดี๊ยนไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก เพราะมีโอกาสที่จะปรับตัวลงมาปิดแก๊ปสูงเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ GLOBAL ราคาไต่ระดับขึ้นมาหลังโดนส้มหล่นใส่เข่งเบ้อเริ่ม จากสถานการณ์น้ำท่วมหนักฉับพลันหลายพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ทำประชาชนเดือดร้อนข้าวของเสียหายไปทุกหย่อมหญ้า วานนี้ถึงได้เห็นแรงซื้อหุ้นเข้ามาไม่อั้นจนทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 15.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 348.25 ล้านบาท ถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กระเตื้องขึ้นมาบ้างไงล่ะเจ้าคะ

*ด้าน SAPPE เป็นอีกรายที่ปรับขึ้นอย่างร้อนแรงจนราคาปิดวานนี้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 24.10 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 6.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 125.85 ล้านบาท หากว่ากันด้วยเรื่องพื้นฐานที่ปูพรมด้วยกำไรครึ่งปีหลัง ยังมีแววว่าจะแข็งแกร่ง ฟากสัญญาณเทคนิค “โมนิก้า” มองว่ามีโอกาสไปต่อ เมื่อรูปแบบทั้งหมดออกมาเป็นแบบนี้ จึงเป็นหุ้นที่น่าตามไปดูจริง ๆ เจ้าค่ะ

*ปิดท้ายที่ CKP พยายามไต่ระดับขึ้นมาจนปิดที่ 6.25 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260.31 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันไปได้ แต่การเคลื่อนไหวรอบนี้ถือว่าทำให้ทรงหุ้นดูดีขึ้นมาเป็นลำดับ เพราะรูปแบบด้านเทคนิคพยายามเป็นขาขึ้น หากรอบนี้สามารถทะลุผ่านด่าน 6.40 บาทไปได้ รับรองว่าจะวิ่งได้อีกยาวเจ้าค่ะ

Back to top button