กองทุนเงินเยอะ
*หากประเมินเงินบนหน้าตักของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ จะเห็นว่านักเล่นที่เป็นกลุ่มกองทุนมีเงินสดอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก จึงเดินหน้าเก็บหุ้นใหญ่บางตัวอย่างสบายใจเฉิบ เพราะตั้งแต่ต้นปี 2562 เพิ่งใช้เงินไปแค่ 3.20 หมื่นล้านบาท จากวงเงินที่เคยซื้อหุ้นแต่ละปีอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท จึงไม่ต้องแปลกใจที่นักเล่นกลุ่มนี้กลายเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว หลังสวมบทประคองหุ้นไทยนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากประเมินเงินบนหน้าตักของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ จะเห็นว่านักเล่นที่เป็นกลุ่มกองทุนมีเงินสดอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก จึงเดินหน้าเก็บหุ้นใหญ่บางตัวอย่างสบายใจเฉิบ เพราะตั้งแต่ต้นปี 2562 เพิ่งใช้เงินไปแค่ 3.20 หมื่นล้านบาท จากวงเงินที่เคยซื้อหุ้นแต่ละปีอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท จึงไม่ต้องแปลกใจที่นักเล่นกลุ่มนี้กลายเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว หลังสวมบทประคองหุ้นไทยนะจะบอกให้
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่มีอาการตื่นตระหนกเมื่อเห็นหุ้นตกแรง และไม่ค่อยแสดงอาการกระดี๊กระด๊าเมื่อเห็นหุ้นขึ้นแรง เพราะทุกอย่างยังอยู่ในวงรอบเก่าเหมือนเดิมทุกประการ แถมวันนี้ยังไม่เห็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้หุ้นแรลลี่ยาว ๆ จึงชอบประเมินการขึ้นลงของดัชนีด้วยกำไรของบริษัทจดทะเบียนแต่ละไตรมาสเลิศสะแมนแตนขนาดไหน? เพราะนั่นเป็นตัวเลขจริงที่บอกให้ทุกคนรู้ว่า หุ้นควรมีทิศทางเป็นอย่างไรนะจ๊ะ
*เหมือนกับยอดซื้อสุทธิของกองทุนตัวจี๊ดในปี 2560 อยู่ที่ระดับ 1.03 แสนล้านบาท ส่วนในปี 2561 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.84 แสนล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นไทยคงไม่ลงไปต่ำกว่าระดับ 1,600 จุดแล้วแน่ ๆ ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน? คงต้องตามดูกันเอาเองอีกที เพราะเมื่อดูจากเงินสดในพอร์ตที่ยังมีไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท น่าจะทำให้เป้าหมายของดัชนีที่ระดับ 1,700 จุด ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเจ้าค่ะ
*ข้อมูลดังกล่าวร้อยเรียงเข้ากับสถานการณ์ของหุ้น BGRIM อย่างชัดเจน เพราะเป็นหุ้นที่บรรดากองทุนเก็บเข้าพอร์ตไม่ขาดมือ จนราคาวานนี้ขึ้นมาทำ all time high ที่ระดับ 42 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.27 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวบริษัทในการทำให้กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงรีบไล่ซื้อหุ้นก่อนจะทะยานขึ้นไปไกลกว่านี้ไงล่ะคะ
*ส่วนกรณีของ INTUCH อาจใช้ความพยายามในการยกตัวสูงขึ้นมากหน่อยก็จริง แต่เมื่อดูจากเม็ดเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นได้รับในแต่ละปี ย่อมเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นเดินไปข้างหน้าอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมาปิดที่ 65.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.52 พันล้านบาท ยังเล่นตามน้ำสั้น ๆ ได้เหมือนเดิม เพราะอัตราเงินปันผลตอบแทนยังอยู่ในระดับ 4% นะนายจ๋า!
*ไหน ๆ มองหุ้นที่ไปได้ไกล และยังไปได้ค่อนข้างดีขึ้นมาทั้งที ย่อมมีหุ้นยอดกตัญญูอย่างเช่น ADVANC รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูการปรับตัวขึ้นของหุ้นตั้งแต่ต้นปี 62 จนถึงวานนี้ “โมนิก้า” ดีดลูกคิดเพื่อคำนวณรีเทิร์นของหุ้นได้คร่าว ๆ เกิน 30% แบบนี้ ย่อมทำให้เชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 230 บาท บวกไป 2 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.62 ล้านบาท น่าจะเล่นต่อได้อีกหลายยกนะคะ
*อีกรายที่เหมาะต่อการเล่นยาว ๆ “โมนิก้า” คงโฟกัสไปที่หุ้น CKP เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นที่ต้องการของช้าแต่ชัวร์ เพราะสเต็ปต่าง ๆ ที่วางไว้เริ่มผลิดอกออกผลให้เห็นกันแล้ว ผนวกกับพรายกระซิบเม้าท์มอยหอยสังข์ไม่ขาดปาก เดี๊ยนถึงมองจังหวะที่หุ้นเด้งขึ้นมาปิดบริเวณ 6.55 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 668 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการ follow buy และคาดหวังจะได้เห็นยอดเดิมที่ระดับ 7 บาทก็เท่านั้นเองค่ะ
*สำหรับรายที่ไล่ราคากันไปเรื่อย ๆ ในลักษณะเหนื่อยก็พักอย่างเช่นหุ้น WHA กลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่มีคนเข้ามาเก็บหุ้นตลอดเวลาเช่นกัน จังหวะนี้ถึงเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาทำ new high ในรอบหลายปีด้วยการยืนปิดที่ระดับ 5 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 503 ล้านบาทแบบชิว ๆ (ทั้งที่หุ้นทั้งตลาดตกหนัก) เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องกลับไปคิดเป็นการบ้านนะจะบอกให้
*เหมือนกับในรายของ EGCO ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกิดปรากฏการณ์ all time high ที่ระดับราคา 343 ล้านบาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 697 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของพวกกองทุนเข้าตะลุมบอนมากกว่านักเล่นกลุ่มอื่น ๆ และถ้ามองบนพื้นฐานค่า P/E 16 เท่า ก็ยังมีความเชื่อเช่นเดิมว่า หุ้นมีโอกาสไปต่อค่อนข้างสูง เพราะวันนี้เขาซัดกันแต่หุ้นไฟฟ้าเจ้าค่ะ
*ส่วนม้านอกสายตาที่สวนภาวะตลาดหุ้นแดงเถือกขึ้นมาปิดเขียวสวย ๆ อย่างหุ้น PSL กลายเป็นอีกช็อตที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะหุ้นกำลังจะวิ่งผ่านยอดเดิมบริเวณ 9.70 บาทเป็นครั้งที่ 3 และถ้าผ่านไปได้จริง ๆ คงมีอะไรเด็ด ๆ โชว์ให้เห็นอีกแน่นอน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นลองประเมินการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.30 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 201 ล้านบาท ยังเป็นโอกาสของการเล่นหรือเปล่า?