พาราสาวะถี
ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนกับผลของที่ประชุมครม.เคาะวันชี้แจงญัตติฝ่ายค้านปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนล็อกเป้าไว้วันเดียว 18 กันยายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะปิดสมัยประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 กันยายน นั่นหมายความว่า ฝ่ายค้านจะมีเวลาอภิปรายตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจบก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 18 ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็มีมุกเดิมมาเขย่าขวัญสั่นประสาทของฝ่ายตรงข้ามคือให้ระมัดระวังคำพูดเพราะเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
อรชุน
ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนกับผลของที่ประชุมครม.เคาะวันชี้แจงญัตติฝ่ายค้านปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนล็อกเป้าไว้วันเดียว 18 กันยายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะปิดสมัยประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 กันยายน นั่นหมายความว่า ฝ่ายค้านจะมีเวลาอภิปรายตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจบก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 18 ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็มีมุกเดิมมาเขย่าขวัญสั่นประสาทของฝ่ายตรงข้ามคือให้ระมัดระวังคำพูดเพราะเรื่องนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
ถือเป็นเกมการเมืองปกติธรรมดา ทุกอย่างผ่านการวางแผนมาอย่างดี โดยที่ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เกรงข้อครหาว่าจะใจแคบหรือกลัวการอภิปรายของฝ่ายค้าน เพราะเรื่องนี้ต้องตั้งการ์ดอย่างรัดกุมอยู่แล้ว ปลายทางก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดเลือกที่จะชี้แจงในทำนองที่ว่าขอให้เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา คำชี้ขาดว่าอย่างไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะรัฐมนตรี ยินดีที่จะปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ซึ่งก็เดากันไม่ยากว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร
เหตุผลที่จะอธิบายเรื่องกลเกมทางการเมืองของฝ่ายสืบทอดอำนาจต่อกรณีนี้ ไม่มีอะไรให้คาดเดายาก หากจำกันได้ก่อนหน้า วิษณุ เครืองาม ยังบอกอยู่แหมบ ๆ หากติดขัดวันอภิปรายที่เห็นว่ากระชั้นจะไปชนเอากับวันปิดประชุมรัฐสภา ก็น่าจะไปขอวันประชุมของวุฒิสภาเพื่อจัดอภิปรายในเรื่องนี้ได้ พอเอาเข้าจริงปรากฏว่า ชวน หลีกภัย อ้างประสานกับทาง พรเพชร วิชิตชลชัย ไปแล้ว ได้รับคำตอบว่า วุฒิสภาจะใช้เวลาวันที่ 16-17 กันยายนประชุมกันเต็มที่ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม
ไม่ต้องแก้ต่างกันว่าเหล่านี้ไม่ได้มีการเตี๊ยมกันมาก่อน เด็กอมมือยังอ่านเกมได้ขาด คงไม่มีอะไรมาก แค่สร้างความหงุดหงิดงุ่นง่านให้กับพรรคฝ่ายค้านเท่านั้น เหมือนอย่างที่ สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านว่า วันเวลาที่เคาะกันมาสะท้อนความใจแคบและหวาดกลัวของรัฐบาล ยิ่งการที่ตอกย้ำเรื่องผู้อภิปรายให้ระวังคำพูดและต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง ก็เป็นเพียงแค่การกระทืบเท้าขู่ ความจริงนักการเมืองที่ผ่านสมรภูมิมาโชกโชนย่อมรู้ดีว่าสิ่งไหนควรหรือไม่บังควร
เห็นจะมีก็แต่พวกที่นำสิ่งที่ไม่สมควรจะพูดถึงนั่นแหละมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ความจริงท่านผู้นำสืบทอดอำนาจควรจะต้องตักเตือนหรือส่งสัญญาณว่าอย่าได้ปกป้องหรือสอพลอกันจนเลยเถิด มิเช่นนั้น คำพูดที่อ้างมาตลอดว่าเป็นรัฐบาลของทุกคน ทุกพรรค มันจะกลายเป็นเพียงแค่วาทกรรมลวงโลก ภาพที่สร้างว่าพร้อมยื่นมือจบกับทุกคนทุกฝ่ายนั้น แท้ที่จริงมันก็คือการยื่นมือไปสัมผัสกับเพื่อนโดยที่มืออีกข้างยังคงถือมีดไว้ข้างหลัง
สำหรับประเด็นต่อมาที่ว่าจะมีการประชุมลับหรือไม่นั้น ฟังคำอธิบายของ ปิยบุตร แสงกนกกุล คนที่เปิดปมถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนมาตั้งแต่ต้น ก็น่าจะเห็นภาพชัดเจน การประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประชุมลับ เนื่องจากเนื้อหาการอภิปรายไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือทำให้สถาบันเสียหาย ประชาชนควรที่จะได้ทราบเนื้อหาสาระที่ถูกต้องครบถ้วน พูดให้เข้าใจง่ายคือ สิ่งที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายเป็นเรื่องข้อผิดพลาดของท่านผู้นำไม่ได้พาดพิงไปถึงสถาบันที่คนไทยทุกคนเทิดทูน
ขณะที่ประเด็นเรื่องเวลาที่เหลือน้อยนั้น เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่ได้สนใจ มิหนำซ้ำ ยังฝากข้อคิดไปถึงฝ่ายรัฐบาลด้วยว่า สิ่งที่จะอภิปรายไม่เพียงแต่จะชี้ให้เห็นถึงปัญหาเท่านั้น ยังจะเสนอแนะทางออกให้รัฐบาลด้วย ซึ่งหากใครที่ติดตามการอภิปรายของปิยบุตรมาโดยตลอดก็จะเห็นภาพชัดเจน สิ่งที่นำเสนอนั้นไม่ได้มาจากความรู้สึกนึกคิดหรืออคติเจือปน หากแต่เป็นไปโดยหลักการ ยึดโยงข้อกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งก็น่าจะตรงกับสิ่งที่ท่านผู้นำอ้างมาตลอดเวลากว่า 5 ปี
เงื่อนเวลาสำหรับพรรคอนาคตใหม่พอเข้าใจได้ว่าจะไม่เป็นปัญหา ด้วยบุคลากรที่มีสามารถกระชับเนื้อหาและทำให้ประชาชนเข้าใจได้ น่าจะเป็นเพื่อไทยแกนหลักของฝ่ายค้านที่ต้องตัดบุคคลประเภทน้ำท่วมทุ่งทิ้งไป เฟ้นแต่ดาวสภาที่นำเสนอเนื้อหาได้ในเวลาจำกัดและไม่ตื่นตูม มึงมาพาโวยเวลาถูกองครักษ์พิทักษ์ผู้มีอำนาจเล่นเกมป่วน หากยืนกันบนหลักการเช่นนี้เชื่อว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ ส่วนรัฐบาลโดยเฉพาะท่านผู้นำเขียนข่าวรอได้ว่ามาเล่นเกมติ๊ดชึ่งอย่างเดียว ถ้าไม่ถูกยั่วโมโหและน็อตหลุดเสียก่อน
ความจริงเรื่องนี้หากไม่กลัวเกินเหตุ อย่างที่ปิยบุตรว่า รัฐบาลควรจะมองว่าการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านไม่ใช่การมุ่งทำลายหรือโจมตี แต่ให้มองเป็นความปรารถนาดี การกำหนดวันอภิปรายไว้ที่ 18 กันยายน เหมือนเป็นการบีบการทำงานของฝ่ายค้านเพราะสามารถได้เพียงวันเดียว แน่นอนว่า ได้ความสะใจที่เดินเกมทางการเมืองสำเร็จ แต่อีกด้านหากเนื้อหาไม่ครบถ้วนทั้งผู้ถามและคนตอบ สิ่งที่ออกมามันจึงไม่น่าจะเป็นผลดีต่อรัฐบาล เนื่องจากเป็นเรื่องที่สังคมสงสัย
แต่เมื่อเลือกที่จะเดินเกมกันแบบนี้แล้ว ก็ต้องพร้อมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น จบแบบครบถ้วนสมบูรณ์หรือจบเกมแค่ในสภา ส่วนที่เหลือก็รอให้ศาลรัฐธรรมนูญเคาะทีเดียว ขณะที่ความเคลื่อนไหวอื่นก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ซึ่งการเดินหมากเช่นนี้ อ่านได้ไม่ยาก รัฐบาลต้องการที่จะใช้เรื่องคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาปิดปากพวกที่จะวิพากษ์วิจารณ์หลังเสร็จสิ้นการอภิปราย ยิ่งได้เห็นภาพที่เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเชิญนักวิชาการบางคนไปพบ ก็ทำให้เชื่อว่าเสียงที่จะมีต่อเรื่องนี้จะเบาบางลง
ว่ากันด้วยความเชื่อมันเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ คำถามที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการตั้ง ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล มานั่งเป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ท่านผู้นำต้องการสิ่งใด คำทำนายล่าสุดหลังซินแสดังเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล น่าจะเป็นคำตอบของปุจฉาทั้งปวง เมื่อเจ้าตัวระบุการไปชี้แจงประเด็นการถวายสัตย์ฯ ต่อสภาไม่มีปัญหา พร้อมย้ำว่าดวงของบิ๊กตู่ดีอยู่แล้ว และจะดูแลบ้านเมืองไปอีก 2 สมัย 8 ปี
แม้จะมีการออกตัวว่าดูไปตามดวงไม่ได้เข้าข้างใคร หรือทำนายแล้วจะไปอิงคนโน้นคนนี้ เพราะจะเสียชื่อ แต่มันก็ดีต่อใจคนที่ได้ยินคำทำนายทายทัก เพราะคนที่ถูกทักก็ยิ้มเขิน ๆ เมื่อถูกนักข่าวถามพร้อมคำตอบเบา ๆ ว่า “ไม่สงสารฉันบ้างหรือ” ทั้งที่หัวใจมันพองโต คงต้องดูกันยาว ๆ ว่า ถ้าผ่านคลื่นมรสุมปมถวายสัตย์ฯ ไปแล้ว ท่านผู้นำยังจะมีอุปสรรคอะไรให้สะดุดอีกหรือไม่