เกมหักเหลี่ยม ณ สุวรรณภูมิ
ใกล้จะเปิดเซ็นทรัล วิลเลจอีกไม่กี่วัน บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) นำสิ่งกีดขวางมาปิดทางเชื่อมเข้าออก เซ็นทรัลไปขอศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ศาลฯให้ความคุ้มครอง เซ็นทรัลก็เปิดห้างทันควัน คดีคงต้องไปต่อสู้กันในศาลฯอีกพักใหญ่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาออกมา
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
ใกล้จะเปิดเซ็นทรัล วิลเลจอีกไม่กี่วัน บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) นำสิ่งกีดขวางมาปิดทางเชื่อมเข้าออก เซ็นทรัลไปขอศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ศาลฯให้ความคุ้มครอง เซ็นทรัลก็เปิดห้างทันควัน คดีคงต้องไปต่อสู้กันในศาลฯอีกพักใหญ่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาออกมา
โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ มีมูลค่าการลงทุน 5,000 ล้านบาท นับเป็นลักชัวรี่ เอาท์เล็ต ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ประกอบด้วยร้านค้า 150 ร้านค้าหรือ 150 แบรนด์ มีพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตรก็ใหญ่เอาการอยู่ล่ะครับ ลักษณะก็คงจะเหมือนกับห้างอิออนข้างสนามบินนาริตะ ที่พอช็อปเสร็จก็ใช้เวลาเดินทาง 10 นาทีไปขึ้นเครื่องได้เลย
น่าสงสัยนะครับ ทำไม AOT ถึงเงียบเชียบ ปล่อยให้เซ็นทรัลดำเนินการตระเตรียมและก่อสร้างมาตั้ง 5 ปี เพิ่งจะมาโวยและปิดกั้นพื้นที่ตอนเขาจะเปิดห้างอยู่รอมร่อ
ทางเซ็นทรัลเองก็ยืนยันว่า เขาได้ดำเนินการขออนุญาตต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและได้รับอนุญาตมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าใบอนุญาตก่อสร้าง ผังเมือง ถามความเห็นไปยังกรมการบินพลเรือนฯ ว่าขัดกับ ICAO หรือไม่ และขออนุญาตเชื่อมทางอย่างถูกต้องต่อกรมทางหลวง
AOT มัวไปทำอะไรกันอยู่เนี่ย ถึงไม่อาจล่วงรู้การเคลื่อนไหวเตรียมการเลย จนกระทั่งการก่อสร้างขึ้นรูปไปแล้วไม่ต่ำกว่า2-3 ปี น่าจะเห็นทนโท่ก็ดันไม่เห็นเสียนี่ ต่อมตื่นรู้ช่างอยู่ลึกจังเลย
ผมเองน่ะไม่ได้ห่วงปัญหาความปลอดภัยทางการบินของเซ็นทรัล วิลเลจ เอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ปลายสนามบินสุวรรณภูมิด้านทิศใต้สักเท่าไหร่ เพราะอาคารร้านค้าในโครงการกว่า150 อาคารนั้น ก่อสร้างเป็นแบบชั้นเดียว ความสูงไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการบินแน่
แต่ห่วงปัญหาการจราจรในการเข้า-ออกสนามบินมากกว่า เพราะตัวห้างฯ อาจจะเป็นสาเหตุทำให้รถติดในการเดินทางเข้า-ออกสนามบิน ซึ่งก็จะกลายเป็นว่า “เซ็นทรัลอีกแล้ว” เข้าไปหาประโยชน์จากทำเลที่ตั้งสนามบิน ที่รัฐลงทุนไปมหาศาล และก่อปัญหาการจราจรใหญ่หลวงภายในสนามบินแห่งชาติขึ้นมา
เท่าที่ผมไปสำรวจเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ที่ตั้งของเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนถนนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3 ห่างจากอาคารผู้โดยสารไปทางทิศใต้ 13 กม. เป็นช่วงขาออกที่จะไปบรรจบกับถนนบางนา-ตราดแล้ว การไหลเวียนการจราจรในสภาพปัจจุบัน ก็ไม่น่าจะก่อปัญหาแต่ประการใด
ส่วนอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้นะครับ
แต่ที่แน่ ๆ ผมว่า รายได้ AOT และบริษัท คิง เพาเวอร์กระเทือนแน่ เอาท์เล็ตแห่งนี้ มีไฮแบรนด์ค่อนข้างจะครบทั้งลาคอสต์,ราล์ฟ ลอเรน,อดิดาส,เอคโค่,ไมเคิล คอร์ ฯลฯ สนนราคาเท่าที่สำรวจดู มีส่วนลดราคาในระดับ 30-40% จากราคาตามห้างสรรพสินค้าปกติ เช่นแบรนด์รองเท้าเอคโค่จากราคา 5-6 พันบาท ขายกันในเอาท์เล็ตประมาณ 3,000-3,500 บาท อะไรอย่างนี้เป็นต้น
ผมไม่รู้เทคนิคการตั้งราคา เขาทำกันได้อย่างไร เพราะห้างเอาท์เล็ตแห่งนี้ ก็คงไม่ได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นดิวตี้ ฟรีแต่ประการใด
เข้าใจเอาเองว่า คงจะตั้งราคาขายที่มีมาร์จิ้นบางมาก แต่มุ่งหวังไปที่ “วอลุ่ม” หรือการขายสินค้าในปริมาณมาก มากกว่า
ดิวตี้ ฟรีของคิง เพาเวอร์ คงจะหนาวแน่ เพราะเป็นแบรนด์สินค้าไม่ถึงกับจะเป็นไฮเอนด์สุดยอดนัก ราคาย่อมเยาลงมาระดับคนชั้นกลางมนุษย์เงินที่หัวสูงสักหน่อย สามารถเข้าไปจับจ่ายได้
ถ้ายอดขายดิวตี้ ฟรี คิง เพาเวอร์กระเทือน AOT ย่อมได้รับผลกระทบด้วย เพราะผูกพันกันที่ผลประโยชน์ 20% จากยอดขาย แต่ยังดีหน่อยที่มีประกัน “มินิมั่ม การันตี” AOT ก็คงจะขาดทุนกำไร ส่วนคิง เพาเวอร์ผมว่าคงจะต้องปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อรักษายอดขายให้ได้อย่างน้อยเท่าเดิม
ดูไปแล้ว รายการนี้ก็คล้ายกับเกมหักเหลี่ยมโหดเหมือนกัน เพราะคิง เพาเวอร์กับเซ็นทรัล ปะทะกันในการประมูลร้านค้าปลอดภาษีมาแล้วทั้งที่ดอนเมือง สนามบิน AOT ในต่างจังหวัด และก็มาที่สุวรรณภูมิเพิ่งจะผ่านมาหมาด ๆ นั่นแหละ
เซ็นทรัล เข้าไปซื้อซองประมูล แต่ถึงเวลาก็ตีหมอบ ปล่อยให้คิง เพาเวอร์เขียนตัวเลขใส่ซองในราคาแพงเว่อร์ไป
ห้างเอาท์เล็ต ประชิดสนามบินสุวรรณภูมิ ยังจะมีอีกห้างหนึ่งจากกลุ่มสยามพิวรรธน์ด้านถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ศึกเอาท์เล็ตคราวนี้ระอุแน่ เพราะคิง เพาเวอร์และ AOT โดนรุมกระหนาบทั้งทางด้านถนนบางนา-ตราดและมอเตอร์เวย์
น่าเห็นใจอย่างยิ่งทั้งคิง เพาเวอร์และ AOT