พาราสาวะถี
การเมืองว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ หากเป็นก่อนจะสืบทอดอำนาจหรือหลังจากยึดอำนาจใหม่ ๆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องด่ากราด ตราหน้าว่านักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว เพราะเหตุนี้จึงต้องปฏิรูปและกำจัดคนเหล่านี้ให้หมดไปหรืออย่างน้อยก็จำกัดเส้นทางเดิน แต่พอตัวเองจะอยู่ในอำนาจต่อ โดยมีพรรคที่ตั้งมารอตั้งแต่เป็นหัวหน้าคสช. ไปไล่กวาดต้อนนักการเมืองที่ตัวเองเคยกล่าวหา เสียงด่าทอต่อว่าที่ดุดันขึงขังก็แผ่วเบาลงตามลำดับ
อรชุน
การเมืองว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ หากเป็นก่อนจะสืบทอดอำนาจหรือหลังจากยึดอำนาจใหม่ ๆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องด่ากราด ตราหน้าว่านักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว เพราะเหตุนี้จึงต้องปฏิรูปและกำจัดคนเหล่านี้ให้หมดไปหรืออย่างน้อยก็จำกัดเส้นทางเดิน แต่พอตัวเองจะอยู่ในอำนาจต่อ โดยมีพรรคที่ตั้งมารอตั้งแต่เป็นหัวหน้าคสช. ไปไล่กวาดต้อนนักการเมืองที่ตัวเองเคยกล่าวหา เสียงด่าทอต่อว่าที่ดุดันขึงขังก็แผ่วเบาลงตามลำดับ
ตั้งแต่จัดสรรปันส่วนเก้าอี้รัฐมนตรี จนกระทั่งถึงตำแหน่งข้าราชการการเมือง 10 พรรคเล็กออกมาโวยเป็นระลอก หลังจากนั้นก็ได้รับการเอาอกเอาใจ เพื่อใม่ให้เสียงของส.ส.เอื้ออาทรเหล่านั้นหายไปอันจะเป็นผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ล่าสุด ก็มีปมปัญหาเกิดขึ้นมาอีกกับเก้าอี้ประธานกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลแบ่งปันกันลงตัว ปรากฏว่า ไม่มีที่ว่างสำหรับพรรคเล็กอีกเช่นเคย และก็ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมายเมื่อมีการโวยตามมาจากพรรคเล็ก
หนนี้เป็น “เสี่ยหมา” พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย แยกเขี้ยวขู่ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เหมือนรู้แกว สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสืบทอดอำนาจ รีบออกมาส่งสัญญาณทันที พรรคเล็กอาจไม่ได้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ต้องดูแลกันในตำแหน่งกรรมาธิการ เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการมาทวงตำแหน่งกันในภายหลัง เพราะได้พูดคุยหารือกันอย่างต่อเนื่อง
คงจะเป็นเช่นนั้น เพราะพลันที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า มือประสานสิบทิศของพรรคสืบทอดอำนาจยกหูหาเสี่ยหมาก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแค่ขอแยกออกจากกลุ่ม10 พรรคเล็กเท่านั้นเหตุรวมตัวกันไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ที่น่าขีดเส้นใต้คือคำพูดของร้อยเอกธรรมนัสที่ระบุว่า “ผมเป็นคนเลี้ยงลิง เลยต้องเอากล้วยให้ลิงกินตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้เชื่อว่ากินจนอิ่มแล้วน่าจะพอได้แล้ว” แม้จะมีเสียงหัวเราะตามมาว่านี่เป็นมุกตลกแต่ไม่รู้ว่าคนที่ถูกพาดพิงจะขำด้วยหรือไม่
หากเป็นนักการเมืองที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรี คงต้องออกมาตอบโต้มือประสานของพรรคสืบทอดอำนาจ เพราะสิ่งที่พูดทีเล่นทีจริงนั้น มันเป็นการตอกย้ำว่าส.ส.พรรคเล็กที่ออกมาร้องแรกแหกกระเชอกันนั้น แท้ที่จริงก็เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวล้วน ๆ พอได้ตามที่ต้องการแล้วก็สำรวม สงบเสงี่ยมเจียมตัว ถือเป็นการดูแคลนกันอย่างชัดแจ้ง แต่ก็อย่างว่าแหละ ความจริงการได้เป็นส.ส.จากสูตรคำนวณอันอภินิหารก็น่าจะมากพอแล้วเสียด้วยซ้ำไป
งานนี้ คงไม่มีหน้าไหนกล้าแสดงความเห็นตอกกลับคนที่เป็นผู้เดินเกมยื่นหมูยื่นแมว จัดทุกอย่างให้ได้ตามที่ร้องขอ คงยอมทำตัวเป็นลิงที่เชื่องเพื่อแลกกับเศษอาหารที่ผู้มีพระคุณคอยป้อนให้ แต่สิ่งที่จะเป็นปุจฉาตัวโตสำหรับแกนนำม็อบชัตดาวน์ประเทศที่อ้างเรื่องการปฏิรูป ซึ่งวันนี้ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีกันหลายราย ไม่รู้สึกรู้สากับพฤติกรรมของพวกตัวเองที่ต้องควักจ่ายมือเติบเพื่อแลกกับเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ตลอดเวลาเลยหรือ นี่คือการเปลี่ยนแปลงอันสวยงามของการเมืองรูปแบบใหม่ที่ต้องการแล้วใช่ไหม
เป็นธรรมดาของพวกที่สร้างเรื่องเท็จพูดกรอกหูคนทุกวันเพื่อทำให้เห็นว่าสิ่งที่ป่าวประกาศไปนั้นเป็นเรื่องจริง เมื่อทุกอย่างปรากฏต่อหน้าบนโลกแห่งความเป็นจริง ก็ถือเป็นความโชคร้ายของประเทศ ที่คนเหล่านั้นหาได้มุ่งหวังตั้งใจที่จะดำเนินการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ต่อบ้านเมือง ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะการเมืองที่เข้ารกเข้าพง เศรษฐกิจก็ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงมิติทางด้านสังคมและอื่น ๆ นี่คือ ผลพวงแห่งการยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปที่พาประเทศถอยหลังลงคลอง
วัน ๆ ก็ได้ยินได้ฟังแต่ปฏิบัติการณ์ข่าวสารทำไอโอ เพื่อหวังให้คนเชื่อและดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่ย้ำมาตลอดว่าโลกยุคใหม่ไม่มีใครเชื่อการข่าวประเภทข่าวลือข่าวปล่อยที่หาต้นตอไม่ได้ อาจดูหวั่นไหวกันแค่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่พอตั้งหลักกันได้แล้ว ก็จะเกิดการสาวหาต้นตอของข่าวปล่อยข่าวลวงเหล่านั้นว่าเกิดจากใคร ทำไปเพื่อเป้าประสงค์ใด สุดท้ายมันก็วกกลับมายังต้นทาง ยิ่งเจตนาร้าย หวังทำลายคนอื่น คนที่ทำก็จะเสียรังวัดในทันทีทันใด
ย้อนกลับไปดูประเด็นการแบ่งเก้าอี้ประธานกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านกันอีกที นี่ไง!ที่เขาบอกการเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร และทุกอย่างเป็นไปได้หากสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เห็นชัดว่าเก้าอี้ประธานกรรมาธิการที่จัดสรรกันลงตัวนั้น มันหาได้สะท้อนถึงกระบวนการทำงานของสภาอันเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนว่าจะเป็นผู้ตรวจสอบการบริหารบ้านเมืองที่ดีของรัฐบาลได้ สุดท้ายภาพที่ปรากฏก็คือการสมยอมกันอย่างน่าเกลียด
มีอย่างที่ไหนประธานกรรมาธิการทุกคณะของฝ่ายรัฐบาล ปรากฏว่าโควตาของแต่ละพรรคนั้น เป็นกรรมาธิการที่จะต้องติดตามตรวจสอบรัฐมนตรีในกระทรวงที่พรรคการเมืองนั้น ๆ บริหารทั้งสิ้น ตรรกะง่าย ๆ ยังไม่ต้องไปถามว่า แล้วคนเหล่านั้นจะกล้าตรวจสอบคนกันเองอย่างนั้นหรือ แค่เห็นรายชื่อประชาชนก็เกิดคำถามแล้วว่า แบบนี้มันไว้ใจได้กา ถ้าลองแบ่งเก้าอี้กันมาอีหรอบนี้ เรื่องการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นมวยล้มต้มคนดู
หน้าฉากอาจจะเห็นการขึงขัง เอาจริงเอาจังของสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน แต่หลังฉากกระบวนการต่อรองเรื่องงบประมาณคงจะเข้มข้นกันน่าดู หรือเป็นเพราะประเทศไทยมันห่างหายการเลือกตั้งมานาน จึงทำให้นักการเมืองไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ต้องการเติมเต็มความพร้อมของตัวเองให้เต็มที่ก่อนแล้วค่อยไปว่ากันถึงความเดือดร้อนจำเป็นของพี่น้องประชาชน
ด้วยเหตุนี้ไง ไม่ว่าแกนนำคนไหนของพรรคสืบทอดอำนาจต่างก็แสดงความมั่นอกมั่นใจว่าแม้เสียงจะปริ่มน้ำแต่รับรองอยู่ครบเทอมแน่ ไม่ใช่เพราะเชื่อมั่นในระบบที่ออกแบบไว้หรือการมี 250 เสียงส.ว.ลากตั้งที่จะร่วมเลือกนายกฯ ได้ถึง 2 สมัย แต่เป็นเพราะน่าจะเข้าใจถึงภาวะอดอยากปากแห้งของนักเลือกตั้งดี ถ้ามาไวไปไวสิ่งที่ลงทุนไปย่อมเสียหายย่อยยับ สรุปง่าย ๆ นักการเมืองก็ยังเป็นพวกไว้ใจไม่ได้เหมือนเดิม