พาราสาวะถี
คิดเห็นกันอย่างไรกับกรณีสื่อออสเตรเลียออกมาเปิดข้อมูล ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ถูกดำเนินคดียาเสพติดที่ซิดนีย์ โดยที่เมื่อนักข่าวไปถาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับไม่ได้รับคำตอบแถมยังบ่นดัง ๆ “ตอนเช้าอารมณ์ดี ๆ มาถามให้เสียอารมณ์เปล่า ๆ” เอ้า! หงุดหงิดเข้าไปอีก ก่อนจะตามมาด้วยประโยค “ทุกอย่างรัฐบาลทำเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นประเด็น ทำให้รู้สึกเบื่อ”
อรชุน
คิดเห็นกันอย่างไรกับกรณีสื่อออสเตรเลียออกมาเปิดข้อมูล ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ถูกดำเนินคดียาเสพติดที่ซิดนีย์ โดยที่เมื่อนักข่าวไปถาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับไม่ได้รับคำตอบแถมยังบ่นดัง ๆ “ตอนเช้าอารมณ์ดี ๆ มาถามให้เสียอารมณ์เปล่า ๆ” เอ้า! หงุดหงิดเข้าไปอีก ก่อนจะตามมาด้วยประโยค “ทุกอย่างรัฐบาลทำเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นประเด็น ทำให้รู้สึกเบื่อ”
ไม่เคยทิ้งนิสัยเดิม ทวงบุญคุณทุกครั้งกับการบริหารงานภายใต้อำนาจเผด็จการมากว่า 5 ปี แล้วอ้างว่าเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นข้อกังขาจากสังคมนั้นเป็นเรื่องเล็ก ทำให้กระบวนการทำงานของตัวเองและคณะเสียหาย คงต้องถามกันดัง ๆ ว่า เรื่องที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมองว่าเล็กน้อยนั้นมันจริงหรือไม่ กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ถ้ามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กแล้วละก็ ต่อไปใครจะกล่าวคำถวายสัตย์ฯ อย่างไรก็ได้อย่างนั้นใช่หรือไม่
หากจะใช้สิ่งที่ท่านผู้นำทำเป็นบรรทัดฐานจะเรียกว่าเป็นบรรทัดฐานแบบไหนกัน ดีเลิศ ชั้นยอดหรือบรรทัดฐานชั้นเลว ขณะเดียวกัน กรณีรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลถูกดำเนินคดีกันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แทนที่จะใช้ถ้อยคำว่าขอไปตรวจสอบและยืนยัน กลับบอกว่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาทำให้เสียอารมณ์ หรือท่านเห็นว่าประเด็นอันเกี่ยวข้องกับจริยธรรม ศีลธรรมอันดี ซึ่งหมายถึงคุณสมบัติอันงดงามของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจของท่านไม่มีความหมาย
น่าสงสารคนไทยโดยเฉพาะพวกที่ถือหางเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่ต้องเป็นหนี้บุญคุณกันไปตลอด อย่างน้อยก็สองสมัยของสภา หรือจนกว่าส.ว.ลากตั้งจะหมดอำนาจในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีได้ คงไม่ต้องบอกว่าหนทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเส้นทางที่อ้างว่าจะนำพาไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนนั้น หาใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ เป็นเพียงแค่คนบางกลุ่มบางพวก ตามที่ผู้รู้ทั้งหลายมองตรงกันกับผลงานรัฐบาลสืบทอดอำนาจคือ รวยกระจุกจนกระจาย
รายนี้ก็เช่นกันไม่รู้ว่าฉุนเฉียวด้วยเรื่องอะไร ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลแล้ว กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญถูกพรรคร่วมรัฐบาลดึงไปอยู่ในมือหรือหงุดหงิดที่แก้ปัญหาไม่ได้ดั่งใจ เราจึงได้ยินคำตอบของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาด้วยวิธีการกระตุ้นผ่านเม็ดเงินที่ผ่านลงไปว่า ไม่ใช่เมื่อมีปัญหาก็ต้องให้มีมาตรการกระตุ้นออกมาอยู่เสมอไป ทุกคนต้องรู้จักลุกขึ้นมาสู้ ช่วยตัวเองบ้าง เศรษฐกิจไทยไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด
แทนที่จะตอกย้ำแนวทางที่รัฐบาลทำและจะดำเนินการต่อในอนาคตว่าจะช่วยแก้ปัญหาอย่างไร เฮียกวงเอาแต่ยืนยันว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแรง ดังนั้น ทุกคนต้องมีความเชื่อมั่น ก่อนจะโยนไปที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว พร้อมยกเอาตัวอย่างเพื่อนร่วมอาเซียนอย่างสิงคโปร์มาเป็นตัวอย่าง โดยอ้างว่าก็มีปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเหมือนไทย มีความยากลำบากในการแก้ไขปัญหา แต่สิงคโปร์ก็ไม่ตกใจ และไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรออกมา
ตัวเปรียบเทียบมันก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยไหน หมดปัญญาแก้ไขก็รับสารภาพมา ไขก๊อกเปิดตูดไปเลี้ยงหลานตอนนี้ก็ยังไม่สาย อย่างไรก็ตาม ฟังบทสัมภาษณ์ของ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนข้างกายสมคิดก็น่าจะถึงบางอ้อต่อความหงุดหงิดของเฮียกวง โดยกอบศักดิ์ยอมรับว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจไม่มีอำนาจควบคุมนโยบายและกระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้งหมดเหมือนเดิม เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคร่วม
แต่ละพรรคมีรองนายกรัฐมนตรีเพื่อดูแลกระทรวงเศรษฐกิจของตัวเอง เพราะเลือกตั้งได้ออกมาแบบนี้ จะให้ทำอย่างไร นอกจากแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่ไม่ได้คุมกระทรวงสำคัญแล้ว ยังสะท้อนความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งที่ไม่ได้ดั่งใจด้วยเหมือนกัน คงต้องถามกลับไปว่า แล้วบรรดาลิ่วล้อของคณะสืบทอดอำนาจที่ไปตั้งพรรคสร้างพลังดูดมหาศาล ต้องการให้ผลเลือกตั้งออกมาอย่างไร ทั้งที่กลไกที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไรในช่วงการหย่อนบัตร น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี
นี่ไงบทพิสูจน์ของความจริงที่ว่า ไม่มีใครสั่งประชาชนซ้ายหันขวาหันได้ ในจำนวนส.ส.ที่ได้มานั้น หลายเสียงหากกล้าที่จะพูดและยอมรับความจริง ย่อมรู้กันดีว่าได้มาด้วยเหตุใด คำสารภาพของกอบศักดิ์ไม่เพียงแต่จะทำให้เห็นถึงความไม่พอใจที่คนเคยใหญ่คับกระทรวงเศรษฐกิจไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ยังสะท้อนภาพของความไม่เป็นเอกภาพของการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย นี่ยิ่งชัดว่าเป็นเรื่องต่างคนต่างอยากทำในสิ่งที่พรรคของตัวเองได้หาเสียงไว้
จะมาเรียกร้องให้คนเห็นใจสมคิดว่าไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว เช่นนั้นก็ต้องถามกันต่อไปว่า แล้วให้มานั่งเป็นรองนายกฯ ต่อไปอีกทำไม ในเมื่อท่านผู้นำเข้ามากำกับดูแลเอง ก็ตั้งให้ไปเป็นตำแหน่งอื่นที่ดูแล้วไม่เสียรังวัดไม่เสียราคาไม่ดีกว่าหรือ ไม่เพียงแต่จะทำให้เห็นว่าทิศทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเดินไปตามความต้องการของแต่ละพรรคที่กำกับดูแล แม้แต่พวกเดียวกันในพรรคสืบทอดอำนาจก็ยังชิ่งกันหน้าตาเฉย
กับคำตอบของกอบศักดิ์ต่อประเด็นที่ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวและการดูแลสวัสดิการรัฐ กระตุ้นการลงทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่หลายฝ่ายมองว่าไม่ได้ผลนั้น มีการไล่ให้ไปถาม อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยเหตุผลว่าเป็นผู้เสนอมาตรการดังกล่าว กลอนพาไปหรือเจตนาปัดความรับผิดชอบให้พ้นไปจากเจ้านายตัวเอง หรือว่าฝ่ายที่ถูกโยนไปให้พร้อมออกหน้าปะฉะดะกับพวกที่กล้าวิจารณ์
ผลงานด้านเศรษฐกิจต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น มีคนแนะให้จับตามองวันที่ 18 กันยายนนี้ก่อนว่า ชะตากรรมของท่านผู้นำสืบทอดอำนาจหลังเสร็จสิ้นการชี้แจงญัตติของพรรคฝ่ายค้านปมถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร สะบักสะบอมหรือจะเอาตัวรอดแบบเท่ห์ ๆ แต่ดูจากการออกอาการแล้ว น่าจะเหนื่อย