‘หม่อมอุ๋ย’ ในหนึ่งแผ่นดิน
เทนนิสยูเอส โอเพ่น แกรนด์สแลมรายการสุดท้ายของปีในรอบชิงชนะเลิศ มีดราม่าสวยงามและสุดระทึกด้วยเกมที่ต่อกรกันอย่างคู่คี่ทั้งในประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
เทนนิสยูเอส โอเพ่น แกรนด์สแลมรายการสุดท้ายของปีในรอบชิงชนะเลิศ มีดราม่าสวยงามและสุดระทึกด้วยเกมที่ต่อกรกันอย่างคู่คี่ทั้งในประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว
หญิงเดี่ยว พลิกล็อกมโหฬาร เบียนก้า อันเดรสคู นักเทนนิสแคนาเดียนเชื้อสายโรมาเนียวัย 19 ปี เข้าร่วมยูเอส โอเพ่นเป็นครั้งแรก ก็ได้แชมป์ไปครองเลย ชนะเซเรน่า วิลเลี่ยมส์ 2 เซ็ตรวด แต่เซ็ต 2 มีดราม่า เมื่อเซเรน่านำ 5-1 แต่เบียนก้า เบียดคืน6 เซ็ตรวด
ว้าว! เป็นไปได้ไง สาวน้อยเอาชนะไป 7:5 เซเรน่าอกหัก 2 ปีซ้อน หลังปีที่แล้วก็พ่ายนาโอมิ โอซากะ สาวน้อยจากญี่ปุ่นไปแล้วเช่นเดียวกัน
ประเภทชายเดี่ยว ยิ่งโหดระทึก ระคนกับความสวยงามตลอดเวลา 4 ชั่วโมง 50 นาที ซัดกันมันถึงใจพระเดชพระคุณถึง 5เซ็ต ราฟาเอล นาดาล วัย 33 ปี สู้กับดานีล เมดเวเดฟ วัย 23 ปีจากรัสเซีย
นึกว่าเกมจะจบแค่ 3 เซ็ตให้ราฟ่าเคี้ยวเด็กหนุ่มที่อายุห่างกันตั้ง 10 ปี แต่ที่ไหนได้ดานีล มีฮึด กลับมาเอาชนะได้ 7:5 และ6:4 ในเซ็ตที่ 3 และ 4 ตามลำดับ เซ็ตตัดสิน ราฟ่าก็ยังเป็นราฟ่า ที่วิ่งสู้ฟัดทุกช็อตและแรงดีไม่มีตก เอาชนะไปได้ 6:4
ยึดครองแชมป์แกรนด์สแลมได้เป็นแชมป์ที่ 19 ห่างสถิติของโรเจอร์ เฟดเดอเร่อร์แค่ 1 แชมป์ ปีหน้าฟ้าใหม่ ต้องติดตามดูผลงาน “ยอดคน” จากแดนกระทิงดุผู้นี้ด้วยใจระทึก
ครับ เกมกีฬาตัดสินกันด้วย “กฎกติกา” ที่เป็นสากล หากดูด้วยตาเปล่า ไม่แน่ใจ ก็ยังมีกล้องมอนิเตอร์ช่วยตัดสิน ด้วยเหตุนี้ การตัดสินจึงเที่ยงธรรมเกินกว่าร้อยละ 99
แต่การเมืองไทยใช้กฎกติกา “ศรีธนญชัย” ที่อยู่นอกเหนือกว่าความเป็นสากลมากยิ่งขึ้นไปทุกที
นับแต่กรณีพรรคจิ๋วที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์อันพึงมีส.ส.ได้ ก็ยังได้รับการแจกที่นั่งส.ส. 1 คนไปถึง 10 พรรค เห็นกันอยู่ทนโท่ว่า แต่งเครื่องแบบ “เจ้าหน้าที่รัฐ” และใช้อำนาจรัฐอย่างครอบจักรวาล
ก็ยังปฏิเสธกันหน้าตาเฉยว่า “ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ” จนต้องถามกันตรง ๆ ว่า “ฮู อาร์ ยู” โตป่านนี้ คุณยังไม่รู้จักตัวเองเลยหรือว่า “คุณเป็นใคร”
มาเรื่องการถวายสัตย์ฯ ทั้งที่มีถ้อยคำวรรคสุดท้ายสั้นนิดเดียวว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” แต่ไม่รู้ว่า น้ำเสียงนายกรัฐมนตรีเหือดหายไปไหน
คิดจะแก้ไข หรือจะแถกเหงือกกันต่อไป
บ้านเมืองวันนี้ ผู้ปกครองเป็นโรค “บอดตาใส” เห็นน้ำเน่าสีดำปี๋ ก็ยังบอกเป็นน้ำสะอาดใสแจ๋ว ใครเห็นต่างก็มีเคืองซะด้วยซี
บนแผงหนังสือวันนี้ มีหนังสือดีมากอยู่เล่มหนึ่งครับ นั่นก็คือ “ในหนึ่งแผ่นดิน” เขียนโดยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ
“หม่อมอุ๋ย”
ก็เป็นหนังสือประเภทอัตชีวประวัติที่ไม่เน้นอัตชีวประวัติสักเท่าไหร่ แต่เน้นเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองในช่วงชีวิต 72 ขวบปีของหม่อมอุ๋ย ตลอดจนภาพจำทั้งหลายในอดีต
อาภัสรา หงสกุลสวยตรงไหน หม่อมอุ๋ยก็มีคำตอบ “สวยตรงที่ช่วงขาเรียวยาว” และเมื่อไปประกวดมิส ยูนิเวิร์ส ก็มีการกันไรผมบริเวณหน้าผาก ทำให้หน้าผากกว้างขึ้นและก็เป็นผลให้หน้าตาสง่างามและสวยมากขึ้นจริง ๆ
รถรางในอดีต ผูกพันกับชีวิตประจำวันคุณชายจนเกิดภาพจำว่ามีเสียงลั่นเปรี๊ยะ ๆ พร้อมสะเก็ดไฟกระเด็นจากการเสียดสีระหว่างคันโยงกับข้อต่อสายไฟที่จ่ายกระแสไฟฟ้าเหนือหลังคา
รายได้ประชาชาติไทยที่พึ่งพาแต่เกษตรกรรมด้านเดียวตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท และโตเป็น 14 ล้านล้านในปี 2559 และก็ 15 ล้านล้านบาทในปี 2561 ที่ผ่านมา
หนังสือเล่มนี้ใช้ภาษาง่าย ๆ แบ่งออกเป็น 45 บท จะพลิกอ่านบทไหนก่อนหลังก็ได้ตามความสนใจ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านเรียงตามลำดับ แต่ก็มีอะไรที่น่าสนใจอ่านไปเสียเกือบจะทุกบท
บทที่ไม่น่าจะพลาดเลยก็ได้แก่ ความล้มเหลวของธุรกิจการเงินยุคแรก อันเป็นที่มาของกองทุนทรัสต์ 4 เมษายน 2527,วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่จะได้รู้ว่าสำรองเงินตราต่างประเทศ ที่เคยมีอยู่ถึง 39,000 ล้านดอลลาร์ ถูกใช้ไปในการปกป้องค่าเงินบาทจนเหลือแค่ 2,850 ล้านเหรียญฯอย่างไร
และก็ยังมาถูกปล้นซ้ำอีกในบทว่าด้วย IMF
นอกจากนั้น บทที่ไม่ควรพลาด ไม่อ่านไม่ได้อีกก็ได้แก่ กรณีธนาคารกรุงไทยตอน 1 และ 2 ที่จะได้ล่วงรู้ถึงตัวละครต่าง ๆ,กรณีจำนำข้าวตอน 1 และ 2, 30 บาทรักษาทุกโรคและกองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ จนมาจบที่วันมหาวิปโยคของชาวไทย 13 ตุลาคม2559
เป็นอันจบ 1 แผ่นดิน 1 รัชกาล
หนังสือดี ทรงคุณค่าทางเศรษฐกิจและประวัติศาสตร์เช่นนี้ รีบไปหาอ่านกันเถอะครับ