เทียบตัวเองกับทักษิณ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บินไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในฐานะประธานอาเซียน จะได้แสดงบทบาทระดับโลกหลายเรื่อง แต่วาระสำคัญ ที่เป็นหน้าเป็นตาประเทศ คือการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งไทยเป็นตัวตั้งตัวตี ร่างปฏิญญาให้ UN นำไปผลักดัน ในฐานะที่วางระบบหลักประกัน ประสบความสำเร็จมา 17 ปี
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บินไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในฐานะประธานอาเซียน จะได้แสดงบทบาทระดับโลกหลายเรื่อง แต่วาระสำคัญ ที่เป็นหน้าเป็นตาประเทศ คือการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งไทยเป็นตัวตั้งตัวตี ร่างปฏิญญาให้ UN นำไปผลักดัน ในฐานะที่วางระบบหลักประกัน ประสบความสำเร็จมา 17 ปี
ชาวบ้านอ่านข่าวแล้วหัวร่อก๊าก นี่มัน “30 บาทรักษาทุกโรค” ผลงานทักษิณนี่หว่า “บัตรทอง” ซึ่งท่านผู้นำบ่นอยู่เนือง ๆ ว่าเป็นภาระงบประมาณ ตอนรัฐประหารใหม่ ๆ ก็ให้ สตง.เข้ามาจับผิด จนระบบจัดซื้อยาปั่นป่วน ใช้ ม.44 เด้งเลขาธิการ สปสช. พยายามจะแก้กฎหมายรื้อค่าใช้จ่ายรายหัว แต่โดนต่อต้านจนทำไม่สำเร็จ ก็พลิกกลับมา “โหน” เสียเลย เช่นฉวยมายัดใส่บัตรคนจน หาเสียงว่ารักษาฟรี
ไม่ทราบเหมือนกันว่า ท่านจะไปพูดอย่างไร ที่แน่ ๆ คงไม่พูดถึงทักษิณ ไม่สามารถให้เกียรติผู้สถาปนานโยบาย ที่ถูกตราหน้าว่าเลวร้าย แต่น่าสงสัยจัง ทำไมไม่ไปพูดนโยบายประชารัฐ แจกบัตรคนจน แจกเงิน 200, 300 ลดเหลื่อมล้ำ หรือแจกเงินไปเที่ยวหัวละพัน ให้คนทั้งโลกตกตะลึง
การเปรียบเทียบประยุทธ์กับทักษิณ ไม่ใช่แค่ชาวบ้าน ท่านผู้นำก็มีปม กระทั่งโวยวายเมื่อถูกโจมตีเรื่องช่วยน้ำท่วมว่า ไม่มีใครทำได้ ต่อให้เรียกไอ้คนที่อยู่เมืองนอกกลับมาก็ทำไม่ได้
ผลคือ คนเกือบทั้งประเทศ แม้แต่คนเกลียดทักษิณ ก็เชื่อว่าทักษิณน่าจะทำได้ดีกว่า ไม่ใช่แค่มีฝีมือบริหารจัดการภาวะวิกฤติ แต่ทักษิณมาจากเลือกตั้ง ใส่ใจความรู้สึกชาวบ้าน เป็นคนที่เคยผ่านระบบราชการ แล้วมาเป็น CEO “อัศวินคลื่นลูกที่สาม” ไม่ใช่ทหารที่อยู่แต่ในกรม กอง จนเป็น ผบ.ทบ. และเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร
วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ โลกกว้าง โลกแคบ ต่างกันลิบลับ รวมถึงที่มาของอำนาจ
ทำไมคนยังเทียบประยุทธ์กับทักษิณ ทั้งที่ทักษิณโดนรัฐประหารไป 13 ปี ใครก็รู้ว่าไม่มีทางกลับมาเป็นนายกฯ ได้อีก เป็นความรู้สึกหวนหาเสียมากกว่า
น่าจะเป็นเพราะประชาชนสุดแสนเบื่อหน่ายรัฐบาล คสช. ปกครองมา 5 ปี เสรีภาพถูกจำกัด บริหารแบบรัฐราชการ เศรษฐกิจก็ย่ำแย่ เฝ้ารอการเลือกตั้ง หวังว่าจะมีความเปลี่ยนแปลง ที่ไหนได้ยังเป็นลุง ทีแรกๆ ก็ยังให้โอกาส หรือพูดให้ถูกก็จำยอม หวังว่ามีนักการเมืองเข้ามาร่วม อะไร ๆ จะดีขึ้น แต่นอกจากควันกัญชาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
ผู้นำก็ยังอวดอำนาจเหมือนเดิม แม้ไม่มี ม.44 ทำอะไรไม่เคยผิด องค์กรอิสระตีความ ฝ่ายค้านจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็บอกเอาเวลาไปแก้ปัญหาปากท้องดีกว่า ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ ก็แก้น้ำท่วมดีกว่า ที่ไหนได้ แก้ปัญหาไม่ได้สักอย่าง
พอคนของตัวเองมีปัญหา เช่นรัฐมนตรีถูกแฉคำพิพากษาศาลออสเตรเลีย ว่าติดคุก 4 ปี ไม่ใช่ 8 เดือน ก็ย้อนว่ารัฐบาลไหนบ้าง ไม่มีตำหนิ ลูกสมุนก็ตีฝีปาก ว่ายุคนี้ยังดีกว่ายุคทักษิณยิ่งลักษณ์ หรืออย่างน้อย “ยุคพวกเอ็งก็เลว (เหมือนกัน)” แต่กลับทำให้ประชาชนคิดว่า ถ้าทักษิณมีอำนาจขนาดนี้ เศรษฐกิจคงดีกว่าเยอะเลย
13 ปีผ่านไป มันเกิดการเปรียบเทียบ ผู้คนเริ่มคิดถึงยุคทักษิณ ยุคที่ประเทศยังดูมีอนาคต พูดในเชิงระบบ รัฐธรรมนูญ 2540 ทำให้ประชาชนมีความหวัง ว่าจะร่วมกันสร้างประชาธิปไตย พอทักษิณและพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้ง ก็นำประเทศเข้าสู่มิติใหม่ แม้ทำไม่ถูกบางเรื่อง ก็ต้องต่อสู้กันในวิถีประชาธิปไตย
ถ้าไม่ปลุกความเกลียดชังกันจนเกิดรัฐประหาร ประเทศคงไม่ตกต่ำดำดิ่งเช่นทุกวันนี้