พาราสาวะถี
สัปดาห์นี้ค่อนสัปดาห์ “นายกฯ เทวดา”ไม่อยู่ประเทศไทย เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 74 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นปกติที่จะมีวาระพูดโน่นนี่สารพัด โดยเฉพาะในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ย่อมมีบทบาทสำคัญในเวทีครั้งนี้ ก็หวังว่าคณะทำงาน ทีมงานจะจัดทำบทท่องจำให้ผู้นำว่าตามสคริปต์เพียงอย่างเดียว อย่าเผลอใส่อารมณ์ ความรู้สึกเข้าไปเหมือนเวลาอยู่ในประเทศ เพราะกลัวจะอับอายขายขี้หน้านานาชาติเขาเอา
อรชุน
สัปดาห์นี้ค่อนสัปดาห์ “นายกฯ เทวดา”ไม่อยู่ประเทศไทย เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 74 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นปกติที่จะมีวาระพูดโน่นนี่สารพัด โดยเฉพาะในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ย่อมมีบทบาทสำคัญในเวทีครั้งนี้ ก็หวังว่าคณะทำงาน ทีมงานจะจัดทำบทท่องจำให้ผู้นำว่าตามสคริปต์เพียงอย่างเดียว อย่าเผลอใส่อารมณ์ ความรู้สึกเข้าไปเหมือนเวลาอยู่ในประเทศ เพราะกลัวจะอับอายขายขี้หน้านานาชาติเขาเอา
ไม่ใช่ดูถูกในสติปัญญาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หากแต่เป็นห่วงเกรงว่าจะอารมณ์ค้างจากที่ได้โพล่งมาหลายยกหลายเวทีในประเทศไทย โดยที่ไม่ได้ดูเนื้อหาของงานที่ตัวเองไปเป็นประธานแม้แต่น้อยว่ามีความสำคัญอย่างไร เหมือนคนเก็บกด สำหรับคนไทยไม่ใช่ปัญหาจะดุด่าว่ากล่าวหรือให้กระบอกเสียงคอยเป่าหู ปฏิบัติการณ์ไอโอล้างสมองยังไงก็ได้ โดยไม่ต้องสนว่าปฏิกิริยาโต้กลับจะเป็นอย่างไร แต่บนเวทีระดับอินเตอร์เผลอไผลไปแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ปล่อยไก่ออกไป มันจะพาลเสียหายมาถึงประเทศตัวเอง
ว่ากันสำหรับคำประชดประชันจาก สมคิด เชื้อคง ต่อการที่ท่านผู้นำถามหาส.ส.เพื่อไทยในวันที่ไปลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมที่อุบลราชธานี พร้อมบอกให้ประชาชนอย่าเลือกส.ส.ที่ไม่มาต้อนรับนายกฯ นั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายมาเป็นกระแสต่อเนื่องในโลกโซเชียล หลังจากที่ก่อนหน้าเพิ่งขึ้นอันดับหนึ่งกับแฮชแท็กประยุทธ์ออกไป ด้วยความหมายและภาพชัดของความจริงที่เห็นอยู่คำว่านายกฯ เทวดา จึงไม่ใช่สิ่งเกินเลยจากที่ได้เห็นและสัมผัสกันมาตลอดเวลากว่า 5 ปี
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเป็นอันขาดว่าบรรดาฉายาทั้งหลายแหล่ที่ถูกตั้งขึ้นมานั้น มันเป็นเหมือนภาพสะท้อนตัวตนของคน ๆ นั้นที่อยู่ในอำนาจ แม้วันนี้ท่านผู้นำจะมองวาทกรรมของส.ส.สมคิดเป็นเรื่องไร้สาระ หากแต่ในความเป็นจริงหลายสิ่งที่เป็นข้อกล่าวหาซึ่งถาโถมใส่แล้วไม่เคยระคายเคืองผิวนั้น มันก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่ส.ส.คนดังว่าพูดไว้แต่อย่างใด ในทางกลับกันความศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผลมาจากอำนาจเผด็จการและมาตรายาวิเศษที่เคยใช้คุ้มกะลาหัวของบางคนบางพวก
มันก็ถูกมองได้ว่านี่คือวิถีเทวดาที่สร้างมากับมือ แต่ความเป็นเทวดาที่จำแลงแปลงกายมาจากอำนาจเผด็จการนั้น จะอยู่คงทนชั่วนิรันดร์หรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาหลังจากการตั้งรัฐบาลเพิ่งผ่านพ้นไปไม่ได้นาน ขบวนการสืบทอดอำนาจก็เกิดการสะดุดขาตัวเองแบบไม่น่าเชื่อ ดีที่ว่า ตัวช่วยจากความเป็นเทวดามีเยอะจึงทำให้พอกล้อมแกล้มผ่านพ้นวิกฤติไปได้ แต่ใช่ว่าจะเดินต่อไปได้อย่างสะดวกโยธิน
การขยับของพรรคฝ่ายค้านว่าด้วยเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ตามด้วยการขู่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้จะวางเดิมพันด้วยประเด็นเดิมคือถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และหลายคนอาจมองเห็นปลายทางเสียด้วยซ้ำไปว่าจะจบลงอย่างไร แต่นี่ก็เป็นกระแสที่ทำให้เห็นว่าสิ่งที่นายกฯ เทวดาต้องการให้จบกลับไม่จบ การดิสเครดิตฝ่ายค้านด้วยประเด็นเล่นไม่เลิก ดูท่าว่าสังคมไม่ได้คล้อยตาม เพราะผลโพลที่ออกมาก็แสดงความรู้สึกให้เห็นว่าสิ่งที่ท่านผู้นำชี้แจงนั้นไม่ได้ตอบโจทย์ที่สังคมสงสัย
หากยังไม่เลิกใช้ทัศนคติที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้สร้าง เป็นคนกำหนด เป็นผู้ให้กำเนิดกติกาที่จะมาควบคุมทางการเมืองทั้งหมด แน่นอนว่า อาจจะไว้ใจและเชื่อมั่นได้ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีที่ส.ว.ลากตั้งยังมีอำนาจเลือกนายกฯ ได้ แต่หลังจากนั้นใครจะรู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หรือความจริงอาจไม่ต้องรอนานถึงขนาดนั้น ผลงานที่ประชาชนคาดหวังกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจ หากยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ความอดทนที่มีมากันตลอด 5 ปีอาจจะระเบิดขึ้นมาวันใดก็ได้
อย่าลืมเป็นอันขาดเราเคยมี “รัฐบาลเทพประทาน” ที่เกิดจากการจัดให้ของอำนาจกองทัพเพราะไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร จุดจบของคนเหล่านั้นเป็นอย่างไร คนที่เป็นผู้นำเวลานั้นไม่สามารถกลับมาแจ้งเกิดได้อีกเลยในแวดวงการเมือง มิหนำซ้ำ ยังต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองที่มีส่วนร่วมกับเผด็จการสืบทอดอำนาจในปัจจุบันล้มรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างเจ็บปวด ชนิดที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะรุนแรงถึงขนาดนี้
เข้าใจได้ว่าจากกลไกต่าง ๆ ที่วางไว้ รวมทั้งองคาพยพทั้งหลายที่พร้อมจะเอื้อให้นายกฯ เทวดาได้ในทุกเรื่อง แต่ภาพจำในอดีตมีให้เห็นมาโดยตลอด วันใดที่ประชาชนลุกฮือ กระสุนปืนและอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็ไม่อาจจะต้านทานได้ ยิ่งหากเป็นการลุกขึ้นมาเรียกร้องของประชาชนสารพัดกลุ่มความเดือดร้อน ที่ไม่ใช่ม็อบการเมือง ไม่ใช่ม็อบกลุ่มการเมือง ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ยิ่งน่ากลัวกว่าหลายเท่าตัวนัก อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้
สภาพเศรษฐกิจ ปากท้องที่ทำให้คนอยู่ลำบากมากขึ้นทุกวัน สวนทางกับสิ่งที่พรรคสืบทอดอำนาจเคยหาเสียงไว้ จะเพิ่มเงินเดือนตั้งแต่ระดับการศึกษาอาชีวะไปจนถึงปริญญาตรี การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ทำไปทำมา ขนาดเพิ่งเริ่มเตาะแตะในนามรัฐบาลสืบทอดอำนาจก็เริ่มออกลาย วางเงื่อนไขของการที่จะทำตามสัญญานั้นไว้ยั้วเยี้ย อย่าลืมเป็นอันขาด รัฐบาลในอดีตที่ได้ชื่อว่าดีแต่พูด ถูกลงโทษในทางการเมืองชนิดไม่ได้ผุดได้เกิดมานานกว่า 20 ปี ยิ่งยุคที่คนไทยรู้ทันทุกเรื่องยิ่งน่ากลัว
มีคำถามว่าการลงพื้นที่ไปตรวจน้ำท่วมที่อุบลราชธานีของท่านผู้นำหนล่าสุดนอกจากได้คำว่านายกฯเทวดากลับมา ได้ประชดประชัน ได้ความสะใจจากการระบายทางการเมืองแล้ว ได้อะไรกลับมาอีกบ้าง สิ่งที่ได้กลับมาคงเป็นบทเรียนเรื่องโอษฐภัย (ที่ไม่เคยจดจำ) สิ่งที่เรียกว่าภัยความประพฤติก็เป็นบทเรียนให้ทีมงานสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำเผด็จการได้ตระหนักแล้วเก็บไปแก้ไขว่า เหตุใดพยายามแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างเต็มที่แล้ว แต่เสียงตอบรับยังเบาบาง
ไม่ใช่เพราะประชาชนในพื้นที่เขามีคำตอบทางการเมืองอยู่ในใจแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาหลงรักใครบางคนจนโงหัวไม่ขึ้นและยากที่จะเปิดรับคนใหม่ที่ตั้งใจมาสร้างความสุขให้ นั่นเป็นเพราะคนเหล่านั้นยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่ทำเป็นความจริงใจ จะเห็นได้ว่าทุกการให้ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะต่อท้ายด้วยเงื่อนไขอ้างสารพัดเหตุผลตลอดและยังมีตอดเล็กตอดน้อยคนที่เคยทำไว้ก่อนหน้า ขณะที่สิ่งที่พรรคของตัวเองจะทำก็ยังเต็มไปด้วยคำถาม เหล่านี้ต่างหากคือสิ่งที่ยากในทางการเมืองที่ไม่ใช้พลังดูดที่ไม่ใช่การเอาเปรียบคู่ต่อสู้