4 วัน ร่วง 41.14 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 4 วันทำการติดต่อกันแล้ว


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 4 วันทำการติดต่อกันแล้ว

หรือดัชนีลงมาจากระดับ  1,669.93 จุด มาอยู่ที่ 1,622.79 จุด เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.)

ต้องยอมรับแหละว่า ช่วงนี้ปัจจัยลบท่วมตลาดจริง ๆ

ตลาดหุ้นที่ปรับลงมาไม่เฉพาะของไทยเท่านั้น แต่ลงกันทั่วโลก ทั้งยุโรป นิวยอร์ก และเอเชีย

แน่นอนว่า นักลงทุนต้องการคำตอบว่า  แล้วดัชนีจะลงไปถึงระดับไหน  รวมถึงหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตจะต้องทำอย่างไร

เท่าที่พุดคุยกับนักวิเคราะห์หลายคนนั้น

ต่างมองว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ น่าจะยังฝุ่นตลบอยู่

หลังจากนั้น ดัชนีจะเริ่มนิ่ง ๆ เพราะรับรู้เกี่ยวกับข่าวร้ายไปหมดแล้ว โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ

เยอรมนี และประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มยูโรโซน

และดัชนีอาจจะค่อย ๆ ปรับขึ้นได้ ตามสัญญาณทางเทคนิค

แนวรับแรกที่มีการปูเสื่อนั่งลุ้นกัน เริ่มจากวานนี้ว่า ดัชนีจะต้องปิดเหนือ 1,620 จุดให้ได้ก่อน

หากเหนือกว่าระดับดังกล่าว ก็มีลุ้นว่า วันนี้ (24 ก.ย.) อาจจะพอเห็นการรีบาวด์ได้บ้าง แต่ดัชนีจะไม่ได้ไปไหนไกล วนเวียนในกรอบที่มีแนวรับ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

แต่หากวันนี้ดัชนียังปิดปรับลงไปอีก

ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่า อย่าให้หลุด 1,610 จุด

เพราะจะกลายเป็นเซนติเมนต์ที่ไม่ดี

ทว่านักวิเคราะห์ต่างยังคงมั่นใจว่า ดัชนีจะไม่หลุดแนวรับจิตวิทยา 1,600 จุด และเชื่อว่า หากดัชนีลงมาที่ระดับดังกล่าว เริ่มเห็นการซื้อกลับในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และราคาลงมาต่ำเกินไป

มีคำแนะนำเพิ่มว่า นักลงทุนอย่า “แพนิก” มากนัก

หากหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตพิจารณาดูแล้ว มีพื้นฐานดี แต่ราคามันดันร่วงไปตามภาวะตลาด ก็อย่าเพิ่งกระหน่ำขายตาม

ต้องใจร่ม ๆ กันไว้หน่อย

มีมุมมองของ บล.ฟิลลิป ปัจจัยที่อาจช่วยพยุง Downside ของตลาดได้ระดับหนึ่ง คือการทำ window dressing ของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีมากน้อยเพียงใด

พร้อมมองกรอบการเคลื่อนไหวในช่วงบ่ายนี้อยู่ระหว่าง 1,620–1,635 จุด

กลยุทธ์ลงทุน แนะเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” และทยอยเก็บหุ้นแนวรับบริเวณ 1,600 จุด

พอร์ตระยะสั้นแนะนำถือ CK, CPALL, BCH และ COM7

ส่วน บล.กสิกรไทย แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นตามกลุ่มที่แบ่งออกมา

เริ่มจาก 1.กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ CPALL BTS ORI TFFIF

2.กลุ่มปันผลสูง JASIF LH TISCO TCAP

3.กลุ่มสื่อสารได้ประโยชน์จากการแข่งขันลดลง (รายได้เพิ่ม ต้นทุนลด) TRUE DTAC ADVANC INTUCH

4.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก IMO 2020 TOP และ PRM

5.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้น AOT ERW MINT CENTEL

และ 6.ปัจจัยเฉพาะตัว CPF GUNKUL TPCH JAS SAWAD OSP TKN MEGA PTTEP TU GFPT

และความเห็นของ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด ให้จับตาเรื่อง กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย

เพราะหากมีการปรับลดลงมาจริง

ตลาดอาจจะไม่ตอบรับในเชิงบวกเท่าไหร่

แต่กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ คือ กลุ่มที่ราคาแปรผันตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล

พร้อมกับให้จับตาการเข้าซื้อหุ้นบางตัวที่ก่อนหน้านี้เริ่มตึงตัว และมีอัพไซด์ที่จำกัด

โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าทดแทนขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มีพี/อีอยู่ที่ประมาณ 10-15 เท่า ซึ่งราคาถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

ยูโอบีฯ มองว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังมีโครงสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคง แต่ต้องระมัดระวังความเสี่ยง

เนื่องจากครั้งนี้มองว่าเป็นสถานการณ์พิเศษ

Back to top button