โยกพอร์ตใกล้เสร็จ?

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นคำพูดที่ “โมนิก้า” ได้ยินตลอดทั้งวานนี้ยังหนีไม่พ้นเรื่องการเสียชีวิตของพริตตี้สายเอ็นฯ กับเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุรวยจากการเล่นหุ้น ซึ่งแต่ละคนก็มีแนวทางวิเคราะห์ที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะสรุปทิ้งท้ายกันอย่างพร้อมเพรียงว่า ทุกวันนี้มี Fake News เยอะแยะไปหมด! ทางที่ดีรอฟังการแถลงข่าวจากคุณหมาต๋า (ตำรวจ) ไม่กี่วันจากนี้ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสุดนะจะบอกให้

*ในเมื่อนักเล่นหุ้นหลายรายรู้แนวทางของเรื่องจะเดินไปอย่างไร? วันนี้ก็คงเข้าใจการเด้งขึ้นของดัชนีไปกว่า 10 จุด แต่สุดท้ายยืนปิดได้แค่ระดับ 1,630.50 จุด บวกไป 7.71 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 5.01 หมื่นล้านบาท ล้วนมาจากปมปัญหาหลายอย่างยังค้างคาอยู่ในใจเป็นจำนวนมาก จึงต้องแสดงออกด้วยการซื้อ ๆ ขาย ๆ เพื่อลดช่องว่างของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวน่ะซี

*เมื่อเดี๊ยนนำเรื่องราวดังกล่าวมาผนวกเข้ากับการเด้งกลับของดัชนีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อยู่ที่บริเวณ 1,620 จุดเป็นธงนำ ต่อจากนั้นประเมินโอกาสที่ดัชนีจะลงไปยังบริเวณ 1,600 จุดก็มีมากไม่ใช่เล่น พร้อมกับมองตำแหน่งสุดท้ายที่เคยเกิดขึ้นจริง ๆ อยู่ที่ 1,590 จุด “โมนิก้า” ย่อมไม่มีอะไรติดอยู่ในใจแม้แต่นิดเดียว เพราะเรื่องที่เห็นในเที่ยวนี้เต็มไปด้วยความคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดูสักตั้งนะคะ

*ที่สำคัญคือ ทุกคนมองเหมือนกันว่า แรงขายจากการโยกพอร์ตหุ้นขนาดใหญ่กำลังจะหมดลง ซึ่งเปิดโอกาสให้หุ้นขนาดใหญ่เชิดหัวขึ้นอีกครั้งแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเริ่มมองหาหุ้นที่จะเคาะขวาแบบรัว ๆ เพราะเป็นช็อตเดียวที่ทำให้นักเล่นรับทรัพย์ก้อนโตในระยะเวลาสั้น ๆ พร้อมกันนี้อย่าลืมว่า อาการรีบาวด์ของหุ้นแต่ละตัวที่เกิดขึ้นจะยั่งยืนขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับผลงานไตรมาส 3 แจ่มแจ๋วขนาดไหนพะยะค่ะ

*เหมือนกับการทรุดตัวลงฮวบฮาบ แล้วเด้งขึ้นอย่างรวดเร็วของหุ้น GULF ถือเป็นแบบอย่างที่ทำให้รู้ว่า หากมองไซเคิลยาว ๆ หุ้นตัวนี้คงไต่ระดับขึ้นไปถึง 200 บาทไม่ยากเย็น เพราะเมื่อดูโปรเจกต์ที่มีอยู่ในมือเป็นจำนวนมหาศาล บวกกับกำลังภายในที่แข็งแกร่งสุดในปฐพี “โมนิก้า” ย่อมมองการเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 154 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.92 พันล้านบาท ยังเป็นจุดที่เล่นต่อแบบสบาย ๆ นะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ INTUCH ได้ชื่อเป็นหุ้นปันผลยอดเยี่ยมกระเทียมดองทุกปี ย่อมเป็นหุ้นที่นักเล่นเข้ามาไล่ราคาเป็นประจำ ถึงแม้ในบางปีจะโดนถล่มหนักอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ปีถัดมาก็หาทางวิ่งกลับมายืนอยู่ที่เดิมได้เป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากถามแฟนคลับว่า การวิ่งขึ้นมาปิดที่ 65 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 20 เท่า สูงเกินไปไหม?

*คล้ายกับในรายของ TU มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังจากหุ้นไหลลงมาเป็นแรมเดือน จนวานนี้หุ้นเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 16.70 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 592 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 20 เท่าเหมือนกับรายข้างต้น “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องคิดกันนิดหนึ่งว่า ราคาบริเวณนี้ลงทุนได้จริงไหม? รวมทั้งผลงานครึ่งปีหลังจะออกมาดีเหมือนที่นักวิเคราะห์โม้ไว้ไหม? มันเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องอ่านให้ขาดนะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายกับหุ้น MTC อ่อนตัวลงหลายวันติดต่อกัน จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 53.75 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 571 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 30 เท่า “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่กองทุนขายปรับพอร์ตมากกว่าเรื่องอื่น ๆ เพราะเมื่อมองจากประเด็น growth ในปีถัดไปเป็นที่ตั้ง ก็เป็นเรื่องที่ทำให้กองทุนบางแห่งเริ่มเกาหัวแบบงง ๆ แล้วนะคะ

*เมื่อเม้าท์ถึงเรื่องเติบโต กับเรื่องแวลูของหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมหันมามองหุ้นน้ำแข็งใส AU โดนถล่มอย่างหนักหน่วงแบบไม่น่าเชื่อ จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ระดับ 12.30 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 12.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 248 ล้านบาท พร้อมกับทำ new low ในรอบ 3 เดือน ก็มาจากข้อสงสัยเดิม ๆ จนนำไปสู่การขายทิ้ง พร้อมกับอธิบายว่าหุ้นขึ้นเยอะเกินไปเจ้าค่ะ

*เรื่องดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องชี้เป้าไปยังหุ้น JMART เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับแฟนคลับ หลังพรายกระซิบเม้าท์มอยหนักเหลือเกินว่า กำไรปี 62 ยังอยู่ในทิศทางที่ดีกว่าทุกปีที่ผ่านมา แถมวันนี้จะมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นเข้ามาเป็นออปชั่นพิเศษ บรรดานกรู้เลยพากันเข้ามาเก็บหุ้นเพื่อรับโชค 2 ชั้น (ถือยาวได้กำไรทั้งขึ้นทั้งล่อง) หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54 ล้านบาทไงล่ะจ๊ะ