ไฮสปีดเทรน ร้อนรน..เร่งรีบ.!?
เมื่อ “เสี่ยหนู” (อนุทิน ชาญวีรกูล) ประกาศิตขีดเส้นตายภายใน 15 ต.ค.62 กลุ่มซีพีและพันธมิตร ต้องมาลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 224,544 ล้านบาท ทำให้กลุ่มซีพีและพันธมิตร ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับ “ทางสองแพร่ง” ที่ต้องเลือก..!!
สำนักข่าวรัชดา
เมื่อ “เสี่ยหนู” (อนุทิน ชาญวีรกูล) ประกาศิตขีดเส้นตายภายใน 15 ต.ค.62 กลุ่มซีพีและพันธมิตร ต้องมาลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 224,544 ล้านบาท ทำให้กลุ่มซีพีและพันธมิตร ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับ “ทางสองแพร่ง” ที่ต้องเลือก..!!
“เดินหน้าต่อก็เหนื่อย” ส่อเค้าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน (เมื่ออู่ตะเภาไม่มาตามนัด) หรือ “คิดถอยก็เจอบัญชีดำทิ้งงานรัฐ” หมดกันชื่อเสียง “เจ้าสัวธนินท์”.!!?
นี่ “เสี่ยหนู” กำลังสื่อให้ทุกฝ่ายรู้ว่า โครงการนี้รัฐบาลและร.ฟ.ท. ถือไพ่เหนือกว่าคู่สัญญาคือกลุ่มซีพีและพันธมิตรหรือไม่..!? หรือกำลังส่งสัญญาณว่า “กลุ่มซีพีฯ” โยกโย้เล่นแง่ไม่ยอมเซ็นสัญญา..ถึงขั้นต้องขีดเส้นตายให้ต้องเข้าเซ็นสัญญา..โดยรัฐหรือร.ฟ.ท.จะไม่มีการเจรจารอมชอมและจะให้อีกกลุ่มเสียบแทนที่ใช่หรือไม่.!?
ว่ากันว่ามูลเหตุที่ทำให้ร.ฟ.ท.ไม่สามารถ “ปิดดีล” โครงการนี้ลงได้และยืดเยื้อมานานแรมปี ก็ด้วยเงื่อนไขทางการเงินและข้อเสนอเงื่อนไขทีโออาร์ ที่ถูกสอดไส้เป็นบัญชีแนบท้าย จนทำเอาคนร.ฟ.ท.ที่รับหน้าเสื่อเจรจาไม่จบ..!
บทเรียนจากโครงการสัมปทานงานรัฐ ที่ไม่รู้จักกี่โครงการ ภายใต้กระทรวงคมนาคม ล้วนแล้วแต่จบลงด้วยค่าโง่ ที่หลายฝ่ายต่างรู้แก่ใจกันดีว่า..ทุกโครงการล้วนเกิดมาจาก “ใบสั่ง” เร่งรัดโครงการชนิดที่ว่า “ต้องเอา” ให้ได้นั่นเอง..!!
ที่ผ่านมาร.ฟ.ท.เพิ่งผ่านบทเรียน “ค่าโง่โฮปเวลล์” มูลค่า 25,000 ล้านบาท ที่วันนี้ปิดบัญชีไม่ลงและหน้ามืดจนไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน เพื่อมาจ่ายให้กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ดังนั้นตอนนี้ทำได้แค่เพียง “ซื้อเวลา” เพียงเท่านั้นเอง..!!
นั่นเป็นเหตุให้หลายฝ่ายกังวลว่า “โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน” ท้ายที่สุดแล้ว โครงการนี้จะลงเอยด้วยการที่ร.ฟ.ท.อาจต้องเสียค่าโง่เช่นเดียวกับ “ค่าโง่โฮปเวลล์” อีกหรือไม่..!!
คงต้องยอมรับความจริงกันตรง ๆ ว่าร.ฟ.ท. ขาดประสบการณ์บริหารโครงการสัมปทานลักษณะสัญญา PPP เคยแต่เป็นนายเขามาโดยตลอด รู้จักแต่เพียงการให้เช่าที่ดินร.ฟ.ท.หรือประมูลจัดซื้อ จัดจ้างทั่วไป แต่ไม่เคยต้องมาบริหารจัดการลักษณะโครงการร่วมลงทุนแบบรัฐ-เอกชน ที่มีสถานะทัดเทียมกันมาก่อนเลย
เอาเป็นว่า “โฮปเวลล์” สัญญาเดียวที่ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนอะไร..ยังจบลงด้วยค่าโง่ 25,000 หมื่นล้านบาท..หากเป็น “รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน” สุดจินตนาการเลยทีเดียว
ปมหลักที่เคลียร์หน้าเสื่อไม่เสร็จ คือการส่งมอบที่ดินแนวรถไฟฯกว่า 4,300 ไร่ การรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคของหน่วยงานอื่น ๆ รวมทั้งกรอบงบประมาณเงินชดเชยอุดหนุนโครงการ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งข้อสังเกตแนบท้ายร่างสัญญาว่า…
“ร.ฟ.ท.ต้องพึงระมัดระวังการบริหารสัญญาและประเด็นที่ต้องส่งมอบคู่สัญญาเอกชน หากไม่เช่นนั้นอาจทำให้รัฐต้องถูกเอกชนฟ้องร้องจนกลายเป็นค่าโง่ได้อีก”
ประกาศิต “เสี่ยหนู” ครั้งนี้..ถูกตั้งคำถามว่ามี “วาระซ่อนเร้น” เพื่อการใดหรือไม่..!?