พาราสาวะถี

ยังคงสนุกกับการท่องสคริปต์ โชว์ตัวในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งและร่วมโหวตของพวกลากตั้ง บนเวทีประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 74 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูจากเนื้อหาที่ไปร่วมทั้งเวทีหลักและเวทีที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือเป็นข้อมูลพื้นฐาน ว่ากันตามบทที่เตรียมไว้ให้ ไม่ได้แสดงถึงวิสัยทัศน์ส่วนตัวในฐานะผู้นำประเทศและเป็นประธานอาเซียนแต่อย่างใด


อรชุน

ยังคงสนุกกับการท่องสคริปต์ โชว์ตัวในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งและร่วมโหวตของพวกลากตั้ง บนเวทีประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 74 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูจากเนื้อหาที่ไปร่วมทั้งเวทีหลักและเวทีที่เกี่ยวข้องแล้ว ถือเป็นข้อมูลพื้นฐาน ว่ากันตามบทที่เตรียมไว้ให้ ไม่ได้แสดงถึงวิสัยทัศน์ส่วนตัวในฐานะผู้นำประเทศและเป็นประธานอาเซียนแต่อย่างใด

ไม่ใช่การปรามาส แต่เวทีระดับโลกเช่นนี้ นอกเหนือจากต้องยึดสคริปต์เป็นหลักกันพลาดแล้ว ต้องถือโอกาสเช่นนี้ แสดงให้นานาประเทศได้เห็นว่าผู้นำไทยแลนด์มีความรู้ ความเข้าใจในมิติของการบริหารอย่างรอบด้านเพียงใด ไม่ใช่แค่ไปเซย์ฮัลโหล ยกมือบ๊ายบาย จับมือทักทาย ถ่ายรูปร่วมกันแล้วก็แยกย้าย เพราะนั่นเป็นวิถีของมารยาททางการทูตปกติ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลต้องได้อะไรติดไม้ติดมือมาให้ประเทศชาติและประชาชนด้วย

เรื่องการขายฝันปั้นคำหรู ทุกประเทศล้วนแล้วแต่มีปราชญ์ กูรูผู้เชี่ยวชาญสร้างสรรค์ปั้นแต่งให้ฟังแล้วเคลิ้มได้ทั้งนั้น ในโลกยุคปัจจุบันการแสดงภูมิความรู้ โชว์วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากการเมืองภายในประเทศและมาตรการต่าง ๆ ที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้รองรับกับนักลงทุนต่างชาติแล้ว สิ่งที่ช่วยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายอีกประการคือ ผู้นำประเทศนั้นมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถตัดสินใจได้ในปัจจุบันทันที สำหรับบางเรื่องที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก

แต่สำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว พอไม่มีมาตรการ 44 ยังอยู่ในภาวะหันรีหันขวาง แทบจะทุกเรื่องต้องอ้างหลักการ ข้อกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่หลายเรื่องไม่มีความจำเป็น เข้าใจว่าต้องเพลย์เซฟตัวเองให้มากที่สุด ทว่ามันกลายเป็นความระแวงจนทำให้เกิดอาการสะดุด เพราะเอาเข้าใจสิ่งที่บอกว่าทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น จากปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ทำให้เห็นแล้วว่า คนที่พล่ามอยู่ทุกวันนั้นทำได้จริงหรือไม่

ประเภทจอมหลักการไม่มีใครเกิน ชวน หลีกภัย ปมสถานภาพของ นวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตที่วันนี้เข้าไปนอนในซังเต เนื่องจากไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว โยนให้ทีมกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรชี้ขาด นึกว่าจะได้คำตอบ ปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าสิ้นสภาพแล้ว แต่มี 4 เสียงที่เห็นว่ายังไม่พ้นจากความเป็นส.ส. และก็ไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานสภาที่จะมาชี้ชัดเรื่องดังกล่าว

ดังนั้น เรื่องนี้ปลายทางจึงต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีส.ส. 1 ใน 10 ของจำนวนที่มีอยู่ในสภาเข้าชื่อส่งเรื่องผ่านประธานสภาฯ ไปให้ศาลวินิจฉัย หรือไม่ก็ให้กกต.ในฐานะผู้มีอำนาจจัดการเลือกตั้งและพิจารณาคุณสมบัติดังกล่าวเป็นผู้ชี้ขาด แต่ปรากฏว่าฝ่ายกกต.ก็ยังส่งหนังสือมาถามหาคำตอบจากสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจึงต้องไปจบที่องค์กรอิสระดังว่า จะโดยสภาฯ หรือกกต.ก็ตามแต่

อย่างไรก็ตาม นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวอย่างน่าสนใจ สงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่อง การสงสัยเรื่องที่ควรสงสัยมันก็ดีอยู่เพราะทำให้เกิดสติปัญญา และทำให้เราฉลาดขึ้น แต่การสงสัยเรื่องที่ไม่ควรสงสัยนี่มันน่ารำคาญ โดยชี้ชัดฟันธงเรื่องนี้ไม่ต้องมีอะไรให้ตีความเพราะมันชัดในข้อเท็จจริงว่าส.ส.คนดังกล่าวสิ้นสภาพไปแล้ว คงต้องวัดใจกันดูเรื่องนี้จะจบลงแบบไหน

ส่วนประเด็นนี้ก็ต้องติดตามดูเหมือนกันท่านผู้นำจะจัดการอย่างไร ต่อการที่ จรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ไปยื่นเรื่องร้องคณะกรรมาธิการป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎรที่มี พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน กล่าวหา สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมกร๊วกสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเผยแพร่เอกสารหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา และยังสั่งการให้โจมตีอดีตนายกฯ ในกลุ่มไลน์ของกรมกับสำนักโฆษก ถือเป็นการวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมืองชัดแจ้ง

แน่นอนว่า ประเด็นการสั่งการและความไม่เป็นกลางนั้นคงไม่ต้องสืบว่าเป็นเช่นที่กล่าวหาหรือไม่ แต่การจะหาหลักฐานมาดำเนินการนั้นคงยาก แม้จะมีการโชว์ข้อความในไลน์กลุ่มของกรมประชาสัมพันธ์ที่สื่อสารร่วมกับสำนักโฆษกรัฐบาลก็ตาม สิ่งสำคัญคืออย่าลืมว่า “ไก่อู” คือลูกรักของท่านผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ได้ดิบได้ดีโดยลำดับนับตั้งแต่การรัฐประหาร จนกระทั่งมาทิ้งเครื่องแบบแล้วเข้ามานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมกร๊วกแบบเต็มก้น

การที่จะสั่งจัดการลูกรักถึงขั้นพักราชการหรือย้ายไปที่อื่นก่อน เพื่อให้เกิดการสอบสวนคงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่เราจะได้เห็นจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เต็มที่ก็โยนไปให้เป็นความรับผิดชอบของ เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีสำนักนายกฯ ที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์อยู่ แต่ถ้ามีการตั้งคณะกรรมการอย่าดูแค่กรณีนี้กรณีเดียว ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมูลงานต่างๆ ภายในกรมกร๊วกคงต้องไปไล่ดูกันให้ละเอียด หากรองอธิบดีคนดังว่ามีแนวร่วมคงไม่ยากเกินไปที่จะได้พยาน หลักฐานต่าง ๆ เพียบ

ไม่ใช่แค่การก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม ของกรมประสัมพันธ์วงเงิน 25 ล้านบาท ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าใช้งบประมาณเร่งรีบ ไม่เหมาะสมและได้งานที่ห่วยแตกเท่านั้น ตอนนี้มีโครงการก่อสร้างระดับพันล้านในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โปร่งใสหรือเปล่าขึ้นอยู่กับกระบวนการ แต่เหมาะสมและจำเป็นหรือไม่ ต้องไปถามคนในกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดู บางทีฝ่ายที่มีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องไม่ชอบมาพากลน่าจะได้ข้อมูลที่ชวนอึ้งทึ่งตะลึงงันกันเลยก็ได้

แต่พอจะเข้าใจการออกมาของรองอธิบดีฯ คนดังว่าอยู่เหมือนกัน หากจะมีข้อโต้แย้งจากคนที่ถูกกล่าวหา คงเป็นประเด็นที่ว่าตัวเองข้ามห้วยมาเหยียบหัวลูกหม้อในกรมที่ทุกคนต่างหวังจะได้ตำแหน่งอธิบดีเป็นการปิดฉากชีวิตข้าราชการอย่างสวยหรู ดังนั้น จึงเกิดศัตรูที่คาดไม่ถึงไปโดยปริยาย แต่ประสาคนที่รับใช้นายข้าแต่เพียงผู้เดียว คงไม่ได้มองเรื่องเหล่านี้ กระนั้นก็ตาม ข่าวที่ว่าจะไก่อู่จะขึ้นชั้นไปนั่งปลัดสำนักนายกฯ ก็อาจจะช่วยลดอารมณ์กินแหนงแคลงใจและสร้างความหวังให้กับคนกรมกร๊วกได้มากโขทีเดียว

Back to top button