ผลตอบแทน & ความเสี่ยง

พลวัตปี 2019 : สุภชัย ปกป้อง

ความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก นั่นหมายถึงแรงสั่นสะเทือนที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญมิอาจประเมินทิศทางที่ชัดเจนได้ นั่นจึงทำให้เกิดข้อจำกัดของผลตอบแทนจากการลงทุน ยิ่งไปกว่านั้นมันกลายเป็น “ความเสี่ยงการลงทุน” ที่นักลงทุนต้องแสวงหากลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อ “พิชิตความเสี่ยง” เพื่อนำไปสู่ “ผลตอบแทน” จากการลงทุนนั่นเอง…

เรื่องความเสี่ยงการลงทุน (Investment Risk) ว่ากันตามทฤษฎีเกี่ยวกับการลงทุน ความเสี่ยงการลงทุนคือ การที่ “อัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับจริง (Actual return) มีความคลาดเคลื่อนหรือเบี่ยงเบนหรือแตกต่างจาก “อัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนนั้นคาดหวังไว้ว่าจะได้รับ (Expected return)”

นั่นหมายถึง “ความเสี่ยงน้อยที่สุด” คือการคาดการณ์ Expected return จากการลงทุนจะมีความผิดพลาดน้อยสุด

ขณะที่ “ความเสี่ยงมากที่สุด” คือการคาดการณ์ Expected return จากการลงทุน อาจผิดพลาดได้มากสุด

จากทฤษฎีดังกล่าว ไม่ว่านักลงทุนจะขาดทุน..หรือกำไรน้อยกว่าที่คาดไว้..หรือกำไรมากกว่าที่คาดไว้ จึงถือเป็นความเสี่ยงทั้งสิ้น เพราะความคลาดเคลื่อนนั้นแม้ว่าเป็นเชิงทางบวก (กำไรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้)

นั่นจึงทำให้นักลงทุนวางแผนการลงทุนค่อนข้างยากลำบาก อาทิ การจัดสรรเงินลงทุน “มากไป” ในหลักทรัพย์ที่มี Expected return สูง แต่กลับมี Actual return ต่ำ ในทางกลับกันมีการจัดสรรเงินลงทุน “น้อยไป” ในหลักทรัพย์ที่มี Expected return ต่ำ แต่กลับมี Actual return สูงและมีผลให้ผลตอบแทนรวม (Total return) ที่จะได้รับน้อยกว่าที่ควร..!!

นักลงทุนจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือ “วัดระดับความเสี่ยงการลงทุน” เพื่อวางแผนหรือกำหนดกลยุทธ์การลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ..

โดยระดับผลตอบแทนจากการลงทุนหลักทรัพย์ จึงมีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกับระดับความเสี่ยง กล่าวคือ หากระดับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้น ระดับความเสี่ยงที่นักลงทุน จำต้องแบกรับจากการลงทุนจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นั่นหมายถึง..การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง มักมีระดับความเสี่ยงสูงเช่นกัน..แต่การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ไม่จำเป็นว่าจะให้ผลตอบแทนสูงเสมอไป ถ้าหากนักลงทุนนั้นไม่มีดุลยพินิจที่ดีพอและไม่มีความรอบคอบเพียงพอกับการเลือกลงทุนหลักทรัพย์ ที่เหมาะสมกับตนเอง

สำหรับ “ความเสี่ยงการลงทุน” จึงมาจาก 2 ปัจจัยหลักคือความเสี่ยงเกิดจาก “ปัจจัยมหภาค (Macro factors)” เป็นความเสี่ยงที่เป็นระบบ มีอิทธิพลต่ออัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์โดยรวม จึงเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนไม่อาจประเมินหรือกำจัดออกไปได้

ส่วนความเสี่ยงที่เกิดจาก “ปัจจัยจุลภาค (Micro factors)” เป็นความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ หรือที่เรียกว่า ความเสี่ยงเฉพาะตัว ที่เมื่อเกิดขึ้นจะกระทบหลักทรัพย์ใดหลักทรัพย์หนึ่งนั้น โดยนักลงทุนสามารถขจัดหรือลดความเสี่ยงประเภทนี้ได้ ด้วยวิธีการ“กระจายการลงทุน” ในหลักทรัพย์ที่มีความหลากหลายไม่ยึดติดกับหลักทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงอย่างเดียว..!!

การกระจายการลงทุนดังกล่าว “ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ” จะลดต่ำลง เพราะความเสี่ยงแต่ละหลักทรัพย์ ที่ต่างกัน จะช่วยชดเชยกันเอง ทำให้ระดับความเสี่ยงรวม (Total risk) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ..!?

ทว่าก่อนจะไปถึงจุดนั้น..ต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนว่า เราเป็น “นักลงทุน” หรือ “นักเก็งกำไร” กันแน่.!?