เล่นแก้ขัดโมนิก้าและทีมงาน

*สิ่งที่นักลงทุนต้องเริ่มวางแผนในขั้นถัดไปหลังจากดัชนีผ่านกระบวนการ “ย่ำฐาน” คงเป็นเรื่องของการเตรียมตัวที่จะรับของดีราคาถูก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนรอบใหม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนพบเห็นมาด้วยกันหลายครั้งหลายคราว และครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกประหลาดเหมือนรอบก่อนๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเริ่มส่องหุ้นเป้าหมายสำหรับการลงทุนเที่ยวนี้ได้เลยเจ้าค่ะ


*สิ่งที่นักลงทุนต้องเริ่มวางแผนในขั้นถัดไปหลังจากดัชนีผ่านกระบวนการ “ย่ำฐาน”  คงเป็นเรื่องของการเตรียมตัวที่จะรับของดีราคาถูก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนรอบใหม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นักลงทุนพบเห็นมาด้วยกันหลายครั้งหลายคราว และครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกประหลาดเหมือนรอบก่อนๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเริ่มส่องหุ้นเป้าหมายสำหรับการลงทุนเที่ยวนี้ได้เลยเจ้าค่ะ

*โดยตัวแปรของข่าวสารรอบนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น เพราะยังมีแต่ข่าวเดิมๆ มุกเดิมๆ การเข้าลงทุนถึงไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพียงแค่รู้ตัวเองว่า กำไร 5% แล้วเปิดตูดหนีทันที ก็จะทำให้การเข้าลงทุนเที่ยวนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข “โมนิก้า” ถึงอยากย้ำกับแฟนคลับว่า อย่ายึดติดกับเรื่องใดมากเกินไป เพราะเมื่อมองไปข้างหน้าสัก 2-3 เดือนจะเห็นว่า ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยตะปูเรือใบตลอดทางนะจะบอกให้

*งานนี้ไม่ได้พูดข่มขู่ให้กลัวจนไม่มีอันจะทำอะไร เพราะอยากให้มองอะไรที่ลึกซึ้งขึ้น ด้วยแพทเทิร์นของข่าวด้านบวกยังไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม บวกกับเฟดมีท่าทีจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนนี้ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยถึงได้ตึงเครียดสุดๆ และส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งแดนบวกแดนลบ ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 1,479.31 จุด ลบไป 1.95 จุด ด้วยมูลค่า 2.71 หมื่นล้านบาท มันไม่โอเลยนะคะ

*ไหนๆ หลายเรื่องก็ไม่โอเคสักที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดูหุ้นสุดรักอย่าง PTT กับ PTTEP เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นความวิตกกังวลที่มีอยู่ในก้นบึ้งหัวใจกันเลยดีกว่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า หุ้นพลังงานยังซบอีกนาน ข่าวดีไม่ปรากฏให้เห็น ขณะที่ข่าวร้ายผุดราวกับดอกเห็ด หุ้นถึงได้รูดลงมาปิดที่ 334 บาท ลบไป 5 บาท ส่วนตัวหลังก็รูดลงมาปิดที่ 96.25 บาท ลบไป 2 บาท มันเป็นเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสไม่ใช่น้อย และยังมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้หุ้นกลับมาดีดั่งเดิมเลยนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TPIPL หลังจากเกิดข้อพิพาทจนนำไปสู่การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 4 พันล้านบาท ก็ดูเหมือนว่า ผู้คนจะออกอาการแหยงๆ เพราะไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะ “ออกหัว” หรือ “ออกก้อย” จึงเริ่มถอยออกไปบางส่วน ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงมายืนอยู่ที่ 2.64 บาท ลบไป 0.02 บาท พร้อมกับปรากฏสัญญาณค้อนหัวกลับ ตามตำราเขาเม้าท์ว่า มีโอกาสลงต่อสูงเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ PAF มองจากในมุมของนักเสี่ยงโชค หุ้นตัวนี้เป็นเพียงแค่หมากแก้ขัดในยามที่ไม่มีตัวอื่นให้เล่น บวกกับขาใหญ่ชอบเคาะขวาสุดตัวเล่นๆ หุ้นก็เลยวิ่งปรู๊ดปร๊าดอย่างที่เห็นนี่แหละ! แต่หลังจากนั้นมักโดนถล่มเทขายอย่างหนักเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงมองว่า หุ้นตัวนี้เป็นแค่ไม้ประดับเท่านั้น ส่วนใครคิดว่า หุ้นตัวนี้ดีกว่าที่เดี๊ยนเม้าท์ให้ฟัง ก็ไม่ว่าอะไร เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของท่าน ล่าสุดหุ้นปิดที่ 3.98 บาท บวกไป 0.08 บาท ทั้งที่ช่วงเช้าขึ้นไปถึง 4.22 บาท มันคืออะไร รู้ๆ กันอยู่นะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ KKC หากดูจากปูมหลังในช่วง 1 ปีครึ่งจะเห็นว่า หุ้นเคลื่อนตัวแบบ w-shape มาโดยตลอด มีกรอบด้านล่างอยู่ที่ 2.00-2.50 บาท ส่วนกรอบด้านบนอยู่ที่ 3.50 บาท จู่ๆ หุ้นขยับขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะมาปิดที่ 3.90 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 8% แถมเป็นการขึ้นแรง 1 วัน ถัดไปอีก 2 วันย่อตัวลงเล็กน้อย สลับหมุนเวียนแบบนี้มาพักใหญ่ๆ มันเป็นการเก็งผลงานล่วงหน้าธรรมดาๆ หลังจากไตรมาส 1 ปี 58 ออกมาดีนะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวเทียบได้กับ PERM  EE  RICH มุกที่นำมาเล่นแต่ละช็อต ฟังแล้วเกิดอาการจั๊กกะจี้หัวใจเสียเหลือเกิน แถมทุกตัวพร้อมใจรีบาวด์อย่างออกหน้าออกตา “โมนิก้า” ถึงมองว่า การเด้งขึ้นเที่ยวนี้ไม่ต่างอะไรไปจากรอบก่อนหน้านี้! คิดดูแล้วกัน..ตัวเลขเศรษฐกิจก็ถดถอย หนี้เสียก็พุ่งพรวดพราด กำลังซื้อหดหายไปอื้อ หุ้นเหล่านี้จะโตสวนกระแสได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

*ส่วนในรายของ CEN ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ “เสี่ยขุน” มันเป็นอะไรที่ต้องดูกันยาวๆ แม้ตัวเลขในไตรมาส 1 จะออกมาค่อนข้างดี แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของการลงทุนในปีนี้ ถึงกระนั้นต้องยอมรับว่า หุ้นพยายามตั้งลำขึ้นอย่างช้าๆ มาเป็นเวลาเดือนครึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 4.40 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 4%  ด้วยมูลค่า 350 ล้านบาท เพราะในช่วงต้นปีเพิ่งขึ้นไปแตะ 5.50 บาท แล้วรูดลงมากองแถว 3 บาทเมื่อไม่นานมานี้ไงล่ะค่ะ

*ส่วนม้านอกสายตาอย่าง TMC มองในมุมของม้าแก่ชำนาญทาง การขึ้นมาปิดที่ 2.82 บาท บวกไป 0.64 บาท หรือขึ้นไป 29% ด้วยมูลค่าแค่ 45 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมของขาใหญ่ที่กำลังขุดบ่อล่อปลา เพราะเมื่อเหลือบดูผลประกอบการไตรมาส 1ปี 58 ขาดทุน 40 ล้านบาท ซึ่งเกือบจะเท่ากับทั้งปี 57 ที่ขาดทุน 49 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวสื่ออะไรให้เห็นกันบ้าง..ลองไปคิดกันดูนะค่ะ

*ป.ล.วอลุ่มที่มีไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท ทำให้เดี๊ยนรู้สึกไม่สบายใจอย่างแรง เพราะมันหมายถึง ตลาดกำลังจะวาย ซึ่งจะทำให้รูปแบบการเล่นสั้นลงเรื่อยๆ นะจะบอกให้

Back to top button