มะเขือเผาเรียกพี่

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ช่วงนี้ดูเหมือนกระแสดราม่าเรื่องต่าง ๆ จะเยอะแยะเต็มไปหมด จนหลายคนเริ่มออกอาการคล้อยตามอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผลที่ทำให้เกิดเช่นนั้น! บรรดามิตรรักแฟนเพลงจึงควรยอมรับความจริงของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้มองเห็นหนทางในภายภาคหน้าได้แจ่มแจ๋วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นการป้องกันการคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดลิ่มทิ่มประตูไงล่ะคะ

*ถามว่า ทำไมถึงเลือกพูดถึงเรื่องน้ำเน่าตั้งแต่ต้นเดือนตุลาวิปโยค? “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่า “ความหวัง” กับ “ความจริง” มันเดินสวนทางกันถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เดี๊ยนถึงไม่อยากจินตนาการเป็นเจ้าหญิงเดินเล่นบนทุ่งลาเวนเดอร์ ทำให้ต้องออกมาตีแผ่ทุกเรื่องราวเพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นความเสี่ยงในอนาคตมีอะไรบ้าง? เพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ทันท่วงทีนะจะบอกให้

*ที่สำคัญคือ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังต้องดูกันวันต่อวัน ไม่สามารถมองอะไรข้ามสัปดาห์ได้สักอย่าง เพราะตัวแปรที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ W-Shape (1,600-1,680) มันเกิดจากภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจของประเทศไทยบกพร่อง วานนี้ถึงเป็นอีกครั้งที่เห็นดัชนีไหลลงมาปิดที่ 1,613.64 จุด ลบไป 10.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.22 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ตอนนี้เข้าสู่เขตขายมากเกินไประยะหนึ่ง แต่แรงเทขายกลับไม่เพลาลงเลยแบบนี้..มะเขือเผาเรียกพี่ (อ่อนเหลือเกิน) นะคะ

*เช่นเดียวกับแรงขายที่ดาหน้าถล่มใส่หุ้นแบงก์อย่างหนักหน่วงเป็นช่วงหลายวัน ก็เป็นเรื่องที่เดี๊ยนเม้าท์ให้ฟังตั้งแต่วันก่อนว่า เกิดจากสตอรี่กำไรไม่เด่นเหมือนก่อนหน้านี้ ทำให้พวกกองทุนในประเทศและต่างประเทศ เลือกขายหุ้นออกไปก่อน ต่อจากนั้นค่อยไปรอช้อนข้างล่างเพื่อความปลอดภัยนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นยุทธวิธีที่ถูกนำมาใช้ถี่ขึ้นในช่วงสั้น ๆ เมื่อเกิดความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเจ้าค่ะ

*นอกจากนี้หากย้อนกลับไปดูปูมหลังในช่วงที่ผลงานแบงก์เริ่มกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ หุ้นกลุ่มนี้ก็เทรดบนค่า P/E 8-10 เท่าแค่นั้นเอง! “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับนึกถึงเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น..มันเป็นแบบนี้ ก็ไม่ควรฝืนกระแสแบบไม่ดูดำดูดีอีกต่อไป เพราะผลร้ายคงตกอยู่ที่แมงเม่าวัยละอ่อนอีกตามเคย เดี๊ยนถึงไม่อยากให้แฟนคลับทำอะไรบุ่มบ่ามในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนพะยะค่ะ

*เหมือนกับข่าวบนโลกออนไลน์ที่เม้าท์กันสนุกปากเหลือเกินว่า CNBC ภายใต้การการรวมตัวเฉพาะกิจของ JKN เกิดอาการแพแตกหลังจากทำการออนแอร์ได้แค่เดือนนิด ๆ ย่อมเป็นประเด็นที่ทำให้บรรดาแมงลือตามขุดคุ้ยข้อมูลกันจ้าละหวั่น ท่ามกลางทีมงานที่โดนตัดหางปล่อยวัดแสดงอาการดราม่าผ่านสื่อต่าง ๆ กันยกใหญ่แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่พูดให้ทุกคนเข้าใจไปในทางเดียวกันค่อนข้างยากนะคะ

*หากมองในมุมเจ้าของธุรกิจที่ทุ่มเงินลงไปเป็นจำนวนมหาศาล ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากเหลือเกิน เพราะย่อมคาดหวังถึงตัวเลขกำไรที่จะไหลกลับเข้าสู่บริษัทแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และไม่สามารถแบกรับผลขาดทุนต่อไปอย่างไม่มีกำหนด หลังเห็นกันชัด ๆ ว่า เรตติ้งรายการข่าวเศรษฐกิจที่นำเสนอไม่ปัง! ขณะเดียวกันก็น่าเห็นใจฝั่งทีมงานที่เข้ามาร่วมสานฝันด้วยเช่นกัน เพราะทุกคนต่างคาดหวังจะได้กระแสตอบรับที่ดีในการปั้นรายการข่าวขึ้นมา แต่สุดท้ายปราสาททรายก็พังทลายลงมาไม่เป็นท่าแบบนี้..เดี๊ยนถือเป็นเรื่องบุญที่ทำกันมาแค่นี้ ทุกฝ่ายจะได้สบายใจเจ้าค่ะ

*เม้าท์เรื่องความขัดแย้งของกลุ่มคนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น CPT เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเหล่านักเล่น ว่าอย่าได้หลงเข้าไปเล่นในเกมแย่งชิงอำนาจเป็นอันขาด เพราะมันมีแต่เรื่องชวนปวดหัวทั้งนั้น และยังทำให้ราคาหุ้นทรุดหนักอย่างที่ทุกคนรู้ ๆ กันอยู่ รวมทั้งยังทำให้เพื่อนรักเปลี่ยนสภาพเป็นคู่แข่งคนสำคัญในเชิงธุรกิจ เดี๊ยนถึงไม่รู้จริง ๆ ว่าโครงสร้างใหม่ของบริษัทแห่งนี้จะปั๊มเงินได้เหมือนกับที่โม้ไว้ไหม? งานนี้ก็คงต้องดูกันต่อไปจ้า!

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงไปยังหุ้นร้อน PPPM แบบเต็ม ๆ เพราะในระหว่างทางที่มีข่าวฉาวออกมาเป็นระลอก กลุ่มผู้บริหารก็พยายามแก้ข่าว และเข็นข่าวดีออกมาเรียกความมั่นใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ และที่น่าหนักใจในตอนนี้ก็คือ ตลอดทั้งปี 2561 บริษัทแสดงตัวเลขขาดทุนทั้งสิ้น 110 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปี 2562 ดันแสดงยอดขาดทุนพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 161 ล้านบาทแบบนี้..แมงเม้าท์ถึงได้พูดว่า ไม่เหลือคุณค่าให้จดจำอีกต่อไปแล้วนะคะ