พาราสาวะถี
ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมายเรื่องฟ้องร้องก็ให้ไปจบในชั้นศาล คือคำยืนยันจาก พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกอ.รมน. ต่อคำถามที่ว่ารับใบสั่ง กลั่นแกล้ง 12 คนที่ไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดมาตรา 116 ที่มีทั้งแกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ โดยมีการอ้างว่าหากไม่ดำเนินการเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะมีการวิจารณ์ถึงสิ่งที่พูดบนเวทีเสวนาของฝ่ายค้านในมุมลบอย่างกว้างขวาง
อรชุน
ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมายเรื่องฟ้องร้องก็ให้ไปจบในชั้นศาล คือคำยืนยันจาก พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกอ.รมน. ต่อคำถามที่ว่ารับใบสั่ง กลั่นแกล้ง 12 คนที่ไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดมาตรา 116 ที่มีทั้งแกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ โดยมีการอ้างว่าหากไม่ดำเนินการเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เพราะมีการวิจารณ์ถึงสิ่งที่พูดบนเวทีเสวนาของฝ่ายค้านในมุมลบอย่างกว้างขวาง
คำถามประการต่อมาคือ กว้างขวางในแวดวงของคนกันเองคือพวกฝ่ายความมั่นคง นักวิชาการที่ยกหางผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มือกฎหมายที่รับใช้เผด็จการตั้งแต่วันก่อรัฐประหารหรือเป็นคนโดยทั่วไปที่สนใจใส่ใจความมั่นคงของประเทศกันแน่ การอ้างแบบเหวี่ยงแหก็ไม่ต่างอะไรจากการดำเนินคดีแบบเหมาเข่ง โดยไม่แยกแยะว่าสิ่งที่พูดนั้น ใครเป็นคนพูด มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร และปลายทางที่จบในชั้นศาล หากคนที่ถูกกล่าวหาไม่ผิด ฝ่ายที่ดำเนินการจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีแห่งอำนาจเผด็จการนั้น แน่นอนว่ามีทั้งมาตรา 44 คุ้มกะลาหัวและมีกฎหมายนิรโทษกรรมทุกการกระทำขององคาพยพเผด็จการ ดังนั้น ในหลายคดีที่ศาลยกฟ้องหรืออัยการสั่งไม่ฟ้อง ลิ่วล้อสอพลออำนาจเผด็จการไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบใด ๆ แต่ในบริบทที่อ้างว่าประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทว่ากระบวนการของฝ่ายความมั่นคงอย่างกอ.รมน.ที่ถูกมองว่ารับไม้ต่อเผด็จการคสช.มาเต็ม ๆ นั้น จะปฏิเสธผลแห่งการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเองไม่ได้
หากอ้างว่าทุกอย่างที่เป็นภัยกับความมั่นคงต้องดำเนินการ แต่กระบวนการไม่รอบคอบและมีพฤติกรรมในลักษณะรับใช้ฝ่ายกุมอำนาจเล่นงานฝ่ายการเมืองตรงข้าม การกระทำเช่นนี้หาใช่กระบวนการปฏิรูปองค์กรหรือปรับเปลี่ยนตลอดเวลาอย่างที่โฆษกกอ.รมน.กล่าวอ้างไม่ ทุกความเปลี่ยนแปลงหาใช่ทำให้ดีขึ้น กลับดูแย่ลงกว่าเดิม เพราะตกเป็นเบี้ยล่างของขบวนการสืบทอดอำนาจ และดำเนินการมิติทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างที่เห็นกัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างร้องเพลงคีย์เดียวกัน ทุกอย่างว่ากันตามกฎหมาย ส่วนที่ฝ่ายค้านฟ้องกลับกอ.รมน.ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ขณะที่ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็พูดในทำนองท้าทายต่อคำประกาศของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่จะสังคายนาปรับโครงสร้างกอ.รมน. ทำได้ก็ทำไป แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ย้ำกันตลอดเรื่องความเคร่งครัดในกฎหมาย แต่กับปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนกลับทำตรงข้าม
เป็นธรรมดาของเผด็จการย่ามใจที่ทำอะไรก็ไม่ผิด มิหนำซ้ำ พวกมีต้นทุนทางสังคมก็ยังพากันยกหางและพร้อมที่จะมองข้ามทุกความผิดพลาดของขบวนการสืบทอดอำนาจ บ้านเมืองมันจึงต้องเดินกันไปในลักษณะนี้ ส่วนความหวังเรื่องเศรษฐกิจจะดี ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ นอกจากชิมช้อปใช้ที่เป็นกระแสวูบวาบอยู่ในเวลานี้ ยังมองไม่เห็นมรรคผลใดที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าการทำมาค้าขายจะดีขึ้น คุณภาพชีวิตของประชาชนจะดีขึ้น
ภาวะรวยกระจุกจนกระจายยังมีให้เห็นอย่างเด่นชัด การออกมาแก้ต่างแก้ตัวด้วยการยกตัวเลขสารพัดมาบอกว่าแนวโน้ม ทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศกำลังเป็นไปด้วยดี จะมีแต่ก็พวกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐบาลเท่านั้นที่เห็นดีเห็นงามด้วย คนส่วนใหญ่คงไม่ต้องถามว่าดีจริงหรือไม่ พูดไปก็เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง บอกเป็นแสนหนล้านครั้ง ผู้นำที่เยี่ยมยุทธ์ในการใช้กูเกิลก็ไม่ได้อินังขังขอบ เพราะชอบโชว์ความฉลาดและมั่นใจอย่างไม่ลืมหูลืมตาว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกแล้ว ดีแล้ว
ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านครม.ถูกส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรแล้ว ภายในวันสองวันนี้คงถูกส่งถึงมือบรรดาส.ส.ทั้งหลาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านประกาศมาแล้ว ฝ่ายค้ายไม่มีทางยกมือหนุนกฎหมายงบประมาณแน่ แต่จะจัดทัพอภิปรายโฟกัสไปที่งบประมาณด้านความมั่นคงเป็นหลัก ไม่รู้ว่าสับขาหลอกหรือไม่ การโยนหินถามทางเรื่องขอเวลาอภิปราย 5 วัน ก็เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่ามีข้อมูลมากพอที่จะถลกหนังหลายโครงการที่ไม่ชอบมาพากล
แต่ก็อีกนั่นแหละ ประสานักการเมืองที่ห่างหายจากการเลือกตั้งไปนาน แค่ได้เริ่มทำงานไม่กี่อึดใจคงไม่มีใครอยากที่จะให้รัฐบาลล้มเพราะกฎหมายงบประมาณไม่ผ่านสภา ที่น่าสนใจคงเป็นเสียงที่จะโหวตกันมากกว่า ถ้าเสียงรัฐบาลทำงานกันครบร่างกฎหมายก็ผ่านความเห็นชอบได้ไม่ยาก ที่คนส่วนใหญ่จับตามองคงเป็นผลงานของ “งูเห่าชั่วคราว” มากกว่า รอบนี้จะได้เคลมกันไว้ตามข้อตกลงหรือไม่ เสียงที่ออกมาจะเป็นตัวประจาน เอ๊ย ! บ่งบอกได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ท่าทีของผู้นำฝ่ายค้านจะดูไม่แข็งกร้าวเท่าไหร่ แต่พรรคร่วมอย่างอนาคตใหม่ถือว่าเป็นพรรคที่ฝ่ายรัฐบาลจะมองข้ามไม่ได้ ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพ อันจะเห็นได้จากการอภิปรายหลายครั้งในสภาที่ผ่านมา สร้างความหนักใจให้กับฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ใช่น้อย กับการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณเที่ยวนี้ ถึงกับมีการเชิญ จาตุรนต์ ฉายแสง ไปอบรมกลยุทธ์ในการอภิปรายให้กับส.ส.มือใหม่ทั้งหลายกันเลยทีเดียว
เหมือนจะเป็นสัญญาณการเปิดตัวร่วมงานทางการเมืองกันกลาย ๆ หรือเปล่าไม่ทราบระหว่าง เดอะอ๋อยกับพรรคอนาคตใหม่ ที่แน่ ๆ เจ้าตัวฉายภาพการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณในอดีตได้แจ่มแจ้งที่ว่าฝ่ายค้านยุคก่อนมักพูดสะเปะสะปะ ไม่ตรงจุด แต่สำหรับครั้งนี้ เท่าที่ได้ฟังการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านในช่วงสมัยประชุมที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่มีประเด็นที่ดีในการอภิปราย จับประเด็นให้แม่น จึงคาดว่าการอภิปรายครั้งนี้จะออกมาได้ดี
การเมืองคุณภาพต้องเป็นไปในลักษณะนี้ ไม่เหมือนพรรคเผด็จการที่อ้างว่าเข้ามาปฏิรูปการเมืองที่เห็นท่วงทำนองของกระบอกเสียงแต่ละรายแล้ว เสียดายโอกาสและความเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะทุกสิ่งที่พูดออกมานั้น หาได้เป็นการแสดงออกของนักการเมืองที่ชาญฉลาดและมีมันสมองไม่ ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองรุ่นเก่า ดักดานที่เล่นสงครามน้ำลายจนชาวบ้านเขาเอือมระอา ถ้าเป็นสินค้าก็แค่พวกของก็อปเกรดต่ำที่ห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์สวยหรูแต่ของข้างในห่วยแตก