เสียรังวัด ?
*ต้องยอมรับว่า บรรยากาศการลงทุนวานนี้มี 2 อารมณ์ที่ทำให้นักลงทุนแต่ละกลุ่มมีฟีดแบ็กที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง “โมนิก้า” เลยอยากเม้าท์ถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของนักเล่นที่มีสายป่านยาวมักได้เปรียบพวกที่มีสายป่านสั้นเป็นประจำ จึงอยากให้นักเล่นเข้าใจสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ นะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ต้องยอมรับว่า บรรยากาศการลงทุนวานนี้มี 2 อารมณ์ที่ทำให้นักลงทุนแต่ละกลุ่มมีฟีดแบ็กที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง “โมนิก้า” เลยอยากเม้าท์ถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของนักเล่นที่มีสายป่านยาวมักได้เปรียบพวกที่มีสายป่านสั้นเป็นประจำ จึงอยากให้นักเล่นเข้าใจสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ นะจะบอกให้
*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมาจากฝรั่งตาน้ำข้าวยังเดินหน้าสาดหุ้นทิ้งไม่เลิก ส่วนพวกกองทุนหน้ามนคนเก่ายังออกลูกแทงกั๊กเหมือนเช่นเคย ขณะที่ปอบเทรดก็หันมาใช้กลยุทธ์ลุยซื้อหุ้นเป็นบางวัน (เน้นขายมากกว่า) ส่งผลให้ภาพของการเล่นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรจรรโลงจิตใจสักเท่าไหร่? บรรดากองทุนถึงพากันขายหุ้นบลูชิพที่ทำผลงานไม่เข้าเป้าออกมาตลอดเวลา และเหตุการณ์นี้คงดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ เลยล่ะจ้า!
*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องทำใจเมื่อเห็นดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,607.50 จุด ลบไป 8.68 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.10 หมื่นล้านบาท เพราะมันไม่มีปัจจัยที่ช่วยค้ำยันตลาดหุ้นไทยจริง ๆ แถมเมื่อมองไปยังผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่กำลังทยอยประกาศออกมาเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ย่อมเกิดอาการระแวงในใจมากขึ้นเป็นกอง หลังหุ้นขนาดใหญ่ไม่ตอบรับกับข่าวดังกล่าวที่กำลังพยายามประโคมกันปาว ๆ น่ะซี
*ประเด็นดังกล่าวเหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหุ้นน้องใหม่ (ไฟมอด) AWC ของ “เจ้าสัวเจริญ” คาดการณ์กันว่าน่าจะเปิดตัวสวยหรูเหมือนกับหุ้น GULF แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เจ๋งเหมือนที่พวกประจบสอพลอเม้าท์เป็นตุเป็นตะนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการตั้งราคาขายที่สูงเกินความจริงไปมาก ส่งผลให้บรรดากองทุนหน้าซีดเป็นไก่ต้มกันเป็นแถวเมื่อถึงเวลาเปิดเทรดไงล่ะคะ
*ที่สำคัญเหตุการณ์วานนี้ทำให้รู้ว่า บรรดากองทุนยอมสยบแทบเท้าเจ้าสัวเพียงเพราะอยากเสนอหน้าเชลียร์ ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า P/E 227 เท่าที่นำมาตั้งราคาหุ้นนั้น มันไม่ใช่คำตอบของการลงทุน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นทำได้ดีสุดแค่การยืนปิดที่ 6.05 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.13 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนี้คงไม่มีกองทุนไหนบ้าเข้ามาเล่นอีกแล้วล่ะค่ะ
*เรื่องดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องดึงเอาตัวเลขสถิติขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบกับหุ้นสุดโปรดอย่าง GULF เพื่อทำให้นักเล่นได้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นในวัน First Day Trade มีอยู่ด้วยกันหลายมุม โดยมุมแรกที่เห็นได้ชัดสุดคือ ราคาหุ้นปิดตลาดไปที่ระดับ 53.75 บาท เมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ระดับ 45 บาท ซึ่งให้รีเทิร์นสูงถึงระดับ 20% ต่อจากนั้นมาดูมุมที่สองจะเห็นได้ชัดว่า บรรดากองทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่องนะคะ
*ส่วนมุมที่สามที่เห็นได้ชัดสุด ๆ คือ ราคาหุ้นทะยานขึ้นมา 2 เท่าตัวจากราคาไอพีโอท่ามกลาง P/E 70 เท่า เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้บรรดากองทุนจอมเชลียร์ได้รู้ว่า หุ้นของเจ้าสัวคงไม่มีโอกาสทำได้แบบ “เฮียกลาง” แล้วกระมัง! เพราะทุกอย่างมาแบบเต็มแม็กไปแล้ว แถมการยกหุ้นในแต่ละช่องต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 4-5 ร้อยล้านบาท วันนี้บรรดากองทุนคงต้องโบกมือลากันเป็นแถว เพราะมันมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะได้จากหุ้น AWC ขณะที่หุ้นไฟฟ้าแรงสูงตัวนี้สามารถคาดหวังเป้าบริเวณ 200 บาทได้แบบนี้..เดี๊ยนบอกได้คำเดียวว่า ไม่เล่นแล้วจะเสียใจ..อิอิอิ
*เหมือนกับในรายของหุ้นสุดเลิฟ EA สวนกระแสตลาดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 49.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 พันล้านบาท “โมนิก้า” ยังมองเป็นหุ้นที่คุ้มค่ากับการลงทุนทุกประการ เพราะสตอรี่ที่จะทำให้หุ้น growth มีหลากหลายแง่มุม ยิ่งรัฐบาลหันมาส่งเสริมเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ยิ่งทำให้ราศีของหุ้นตัวนี้ดูเปล่งปลั่งขึ้นกว่าเดิมในทันทีพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BGRIM มีโปรเจกต์ไฟฟ้าในมือหลายพันเมกฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดให้ชาวหุ้นได้รู้แบบหมดเปลือกแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องอ่านจังหวะข่าวสารที่ออกมาในแต่ละรอบกันเอาเองว่า ผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมันมาจากโครงการเก่าเท่าไหร่? ขณะที่โครงการใหม่ในอนาคตจะเข้ามาอีกเท่าไหร่? ต่อจากนั้นจะเข้าใจสาเหตุที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาทำ all time high ที่ระดับ 45.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 727 ล้านบาทไงล่ะคะ