คอพับ คออ่อน

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้เดี๊ยนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า อาการแกว่งตัวไปมาของตลาดหุ้นไทยที่เกิดขึ้นยามนี้ คงเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างยังไม่เข้าที่อย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้แรงซื้อเข้ามาแบบกระมิดกระเมี้ยนเสียเหลือเกิน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจอาการเมาค้างที่เกิดกับตลาดหุ้นไทย ล้วนเป็นเอฟเฟกต์ที่มาจากอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศแทบทั้งสิ้นพะยะค่ะ

*เมื่อภายนอกไม่ช่วยดันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู และภายในยังไม่รู้จะออกลูกผีลูกคน “โมนิก้า” ถึงมองอาการ “คอพับ คออ่อน” ยังต้องดำเนินต่อไปแบบไม่มีกำหนด ผนวกกับอาการของหุ้นแบงก์ออกไปในลักษณะคนละทาง เท่ากับเป็นการตอกย้ำคำว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีเอกภาพ ส่งผลให้โมเมนตัมที่ทำท่าจะไปได้สวยเป็นเพียงคำป้อยอที่ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกโล่งใจสักอย่างแบบนี้..เล็กสั้น ขยันซอย ถึงดีสุดเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้อย่าถามถึงการวิ่งขึ้นของดัชนีมาปิดที่ระดับ 1,627.01 จุด บวกไป 1.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.10 หมื่นล้านบาท สื่ออะไรให้นักเล่นหุ้นได้รู้บ้างไหม? “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่! เพราะรูปแบบการเคลื่อนตัวไม่แตกต่างจากที่ผ่านมาสักเท่าไหร่? และในขณะเดียวกันยังต้องมาลุ้นผลงานในไตรมาส 3 จะออกมาแจ่มแจ๋วขนาดไหน? ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นไม่ไกลนะคะ

*โดยเฉพาะหุ้นบลูชิพที่ทำผลงานไม่เอาอ่าว ถือเป็นของแสลงสำหรับนักเล่นคุณค่า เพราะหุ้นเหล่านั้นไม่สามารถฝ่ากระแสเศรษฐกิจชะลอขึ้นไปได้ จึงกลายเป็นหุ้นแถวสามแถวสี่ที่บรรดากองทุนจะนึกถึง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นจำคำบอกเล่าให้ขึ้นใจว่า หุ้นตัวไหนที่ติดลมบนสุด ๆ หุ้นตัวนั้นจะไปได้ไกล (ออลไทม์ไฮ)..หุ้นตัวไหนที่ติดหล่มลึกไม่ทันตั้งตัว ก็คงหาทางกลับบ้านไม่เจอ (โดนถล่มขาย) ไงล่ะคะ

*แรงไม่หยุด..ฉุดไม่อยู่ คงต้องมองไปที่หุ้น GPSC ทะยานขึ้นมาปิดที่ 81 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.08 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นได้ประมาณ 4 ปี 6 เดือน มันมีความหมายมากกว่าที่เห็นกันอยู่อย่างแน่นอน และถ้ามองเรื่องลูกหุ้นที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นประเด็นนำ แต่ราคาหุ้นกลับมาได้ไกลอย่างไม่น่าเชื่อแบบนี้..ไม่ธรรมดานะเนี่ย!

*หุ้นอีกตัวที่ “โมนิก้า” อยากให้นักเล่นบรรจุไว้ในตำราว่าต้องมีติดพอร์ตอย่างสม่ำเสมอก็คือ GULF เพราะเมื่อมองดูจากการวิ่งยาว ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ย่อมเป็นการการันตีถึงโครงการบิ๊กเบิ้มที่มีอยู่ในมือจะทำเงินมหาศาล วานนี้ถึงเห็นหุ้นทะยานขึ้นทำ all time high ด้วยการยืนปิดที่ 170 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.03 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า เป้าราคา 200 บาทไม่ไกลเกินเอื้อมเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่เหนื่อยสุด ๆ “โมนิก้า” มองเป็นหุ้นขุดเจาะน้ำมัน PTTEP มากกว่าเจ้าอื่นที่กำลังตกเป็นข่าวในเวลานี้ ยิ่งมีข่าวออกมาในทำนองราคาน้ำมันมีโอกาสหลุด 50 เหรียญ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้พวกกองทุนต้องระบายหุ้นออกมาอีก วานนี้ถึงเป็นอีกครั้งที่เห็นหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 119.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.95 พันล้านบาท พร้อมกับส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นจะลงไปหาโลว์เดิมบริเวณ 110 บาท และอาจมีโลว์ใหม่อีกนะตัวเอง

*เช่นเดียวกับในรายของ PTTGC ทำโลว์แล้วโลว์อีก จนวานนี้ลงมาปิดที่ 51.75 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 791 ล้านบาท แถมเป็นการยืนปิดที่บริเวณแนวรับสุดท้ายบริเวณ 50 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นความเสี่ยงที่นักเล่นต้องแบกรับหากยังดื้อแพ่งเล่นต่อ หลังพรายกระซิบร้อยท่อต่อสายตรงผลงานไตรมาส 3 อ่วมอรทัยอย่าบอกใครเชียวแหละ!

*อีกรายที่ทำให้ทุกคนได้รู้ถึงความตกต่ำของชีวิตได้ค่อนข้างดีก็คือ SCC โดนกระหน่ำขายจนต้องร้องขอชีวิต แต่แรงขายกลับไม่ลดราวาศอกลงเลย “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 374 บาท บวกไป 2 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.37 พันล้านบาท น่าจะเป็นเพียงอาการรีบาวด์แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะผลงานไตรมาส 4 ใช่ว่าจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นะจะบอกให้

*ส่วนรายที่ยับเยินจนกู่ไม่กลับอย่าง AAV กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เดี๊ยนนึกถึงคำกล่าวที่ว่า หากต้องการหมดตูดให้เล่นหุ้นสายการบิน เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่เคยทำกำไรอย่างบูรณาการ และเมื่อมองย้อนกลับไปก็เป็นจริงเหมือนที่มองไว้ ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานก็รูดลงมาปิด 2.84 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นแบบนี้..เลิกยุ่งแล้วชีวิตจะดีขึ้น..เชื่อหนูเถอะค่ะ