ฝรั่งทิ้งหุ้นหมื่นล้าน

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากมองสรรพกำลังที่ทำให้ดัชนีสามารถเดินหน้าขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบเจาะลึก “โมนิก้า” คงต้องเอ่ยปากชมพวกกองทุนตัวจี๊ดที่กระโจนไล่ราคาหุ้นอีกรอบ จนดัชนีเด้งกลับจากจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,605 จุด ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,634.46 จุด บวกไป 7.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.85 หมื่นล้านบาท ก็เป็นวัฏจักรเดิมที่นักเล่นต่างคุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี จึงไม่ต้องอธิบายว่าดัชนีจะทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 1,650 จุดอีกไหม?

*เนื่องจากของมันแบเบอร์ตั้งแต่ต้นแล้วว่า เหตุการณ์มันต้องเดินมาทรงนี้อย่างแน่นอน! แต่ที่ยังเป็นปัญหาคงหนีไม่พ้นแรงเทขายของฝรั่งตาน้ำข้าวที่มีออกมาทีละเล็กทีละน้อย จนยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงวานนี้ปาเข้าไปหมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตถ่วงรั้งดัชนีในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้การเคาะสั้นเพื่อทำกำไรเป็นรอบ ๆ กลายเป็นทางออกที่ดีสุดในยามนี้จ้า!

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” เลยถือโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พบกับกูรูรายหนึ่งที่เอ่ยถึงท่าทีของฝรั่งตาน้ำข้าวต้องการโยกเงินออกจากตลาดหุ้นไทยชัดเจนแล้ว พร้อมกับบรรยายถึงหุ้นบลูชิพบางตัวที่ขึ้นไม่ได้สักทีนั้น ล้วนมาจากแรงเทขายยังไม่สะเด็ดน้ำ ขณะเดียวกันแรงซื้อที่มาจากกองทุนตัวจี๊ดก็ไม่สุดซอย ส่งผลให้การขึ้นของดัชนีปรากฏเป็นลักษณะ “แท่งเขียวหนึ่งวัน แท่งแดงหนึ่งวัน” ไงล่ะคะ

*เมื่อหนทางการลงทุนไม่ราบรื่น “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นโรงกลั่น TOP โดนกระหน่ำขายแบบไม่ต้องร้องขอความเห็นใจ เพราะเมื่อมองดูจากราคาน้ำมันดิบมีโอกาสต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญ ย่อมกระเทือนกับผลงานของหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 68.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 717 ล้านบาท พร้อมกับแสดงท่าทีจะลงต่อแบบนี้..โกยเถอะโยม!

*ส่วนรายที่หนักหนาสาหัสจนรายย่อย 5.77 หมื่นคนไม่รู้จะไปหาคำตอบกับใครได้นั้น “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปยังหุ้น IRPC ที่มีคนกุมบังเหียนชื่อ “นพดล ปิ่นสุภา” ในทันที! เพราะเมื่อดูตัวเลขกำไรครึ่งปีแรกทำได้แค่ระดับ 650 ล้านบาท ทำให้รู้เลยว่า งบคิว 3 คงขาดทุนแน่ ๆ และเมื่อมองทั้งปี 2562 ก็คงไม่แคล้วขาดทุนอ่วม ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานก็รูดลงไม่หยุดสักที จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 3.48 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 410 ล้านบาท..คุณพี่ต้องออกมาสื่อสารให้ชาวหุ้นได้รู้บ้างแล้วล่ะ..คุณแม่ขอร้อง..อิอิอิ

*อาการดังกล่าวคล้ายกับหุ้นถ่านหิน BANPU พยายามนำเครื่องมือทางการเงินกู้วิกฤตราคาหุ้นลงไม่เลิก แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่การบรรเทาสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายลงกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้นเอง เพราะในแง่ของการทำธุรกิจยังไม่กระเตื้องขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ผนวกกับตัวเลขการใช้ถ่านหินลดลงอย่างต่อเนื่อง วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 11.90 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 715 ล้านบาท และยังมีโอกาสลงต่ออีกด้วยนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TKN โดนถล่มขายครั้งแล้ว..ครั้งเล่า แต่เจ้าของก็ยังมีท่าทีลั้นลาเหมือนเดิมทุกประการ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นหุ้นโดนกดลงมาปิดที่ระดับ 10.70 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 600 ล้านบาท เพราะตัวธุรกิจเดินมาถึงจุดถดถอยอย่างเต็มตัว แต่หุ้นยังเทรดอยู่ในระดับ P/E 47 เท่า มันเป็นเรื่องโอเวอร์รีแอ็กต์อย่างไม่ต้องสงสัย จึงมีโอกาสโดนเจ้ามือดั๊มพ์หุ้นทิ้งตลอดเวลาไงล่ะจ๊ะ

*คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอดีตดาวรุ่ง DELTA ทุกประการ เพราะทุกครั้งที่หุ้นทำท่าจะขึ้นทีไร มักโดนขายทิ้งเป็นประจำทุกที ราคาหุ้นถึงแกว่งตัวออกด้านข้าง และพร้อมจะทรุดตัวลงทุกเมื่อ หากมีอะไรเข้ามากระทบเพียงเล็กน้อย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับดูการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 51 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขายแค่ 47 ล้านบาท ไม่ได้เป็นภาพที่ทำให้ฝรั่งอยากเข้ามาเล่นเลยนะคะ

*ตบท้ายกันที่หุ้นน้ำแข็งใส AU ยังมีแรงเทขายรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนสภาพของหุ้นดูย่ำแย่ชอบกลแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องค่า P/E 49 เท่ามันสูงเกินไปสำหรับหุ้นที่ทำกำไรวูบวาบเป็นบางช่วง แถมเมื่อย้อนดูประวัติเก่าที่เคาะหุ้นกันต่ำกว่า 8 บาทเป็นประจำทุกปี (หากกำไรแต่ละงวดไม่โต) เดี๊ยนถึงมองการประคองตัวปิดที่ 12.40 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่น่าเสียวไส้จริง ๆ นะคะ