พาราสาวะถี
ได้ฤกษ์แล้ววันนี้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตามสูตร ทุกครั้งที่สภาจะมีการประชุมวาระสำคัญอันเกี่ยวข้องกับรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องสงบปากสงบคำ ไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชนเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ไม่รู้ว่าเพื่อเตรียมความพร้อมในการชี้แจงต่อที่ประชุม หรือไม่ต้องการพูดอะไรที่ทำให้เป็นปัญหาจนกระทบต่อกระบวนการลงคะแนนในสภา
อรชุน
ได้ฤกษ์แล้ววันนี้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตามสูตร ทุกครั้งที่สภาจะมีการประชุมวาระสำคัญอันเกี่ยวข้องกับรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องสงบปากสงบคำ ไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชนเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ไม่รู้ว่าเพื่อเตรียมความพร้อมในการชี้แจงต่อที่ประชุม หรือไม่ต้องการพูดอะไรที่ทำให้เป็นปัญหาจนกระทบต่อกระบวนการลงคะแนนในสภา
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องของเสียงโหวตเพื่อปลดล็อกให้รัฐมนตรีที่เป็นส.ส. 19 คนสามารถร่วมลงคะแนนผ่านร่างพ.ร.บ.งบดังกล่าวได้ ย่อมไร้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ ขณะเดียวกัน ได้ฟัง พิเชษฐ สถิรชวาล ฝ่ายค้านอิสระบอกว่าฝ่ายรัฐบาลจัดสรรเวลาให้ฝ่ายค้านอิสระอภิปราย 20 นาทีทั้ง ๆไปต่อรองกับฝ่ายค้านมาว่าทุกนาทีมีค่า นั่นย่อมเป็นสัญญาณอันเด่นชัดว่าบทสรุปของ 2 เสียงฝ่ายค้านอิสระจะยกมือโน้มเอียงไปในทิศทางใด
ขณะที่ส.ส.เอื้ออาทรก็คงไม่มีปัญหา อานิสงส์จากการคำนวณปาร์ตี้ลิสต์อันแยบยลย่อมเป็นบุญคุณให้ทดแทนกันไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนพรรคเล็กที่เห็นแทงกั๊กอ้างฟรีโหวตอย่างพลังท้องถิ่นไทที่มี ชัช เตาปูนหรือชัชวาลย์ คงอุดม เป็นหัวเรือใหญ่ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่แค่ข้ออ้างหาคะแนนเสียงจากบรรดาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดเมื่อทุกอย่างอ้างเรื่องกลไกของอำนาจบริหารต้องเด็ดขาด การคัดง้างของพรรคที่ต้นทุนน้อยจะมีแรงมากพอได้อย่างไร
ยิ่งได้ฟังเหตุผลล่าสุดเรื่องให้รัฐบาลปรับลดงบประมาณกองทัพลงแล้วนำไปช่วยผู้มีรายได้น้อย ทางพรรคถึงจะทบทวนท่าทีในการลงมติอีกรอบ หากจะมองโลกในแง่ร้ายก็แค่เกมปั่นกระแส สร้างราคา แต่ถ้ามองในมุมที่ต้องวางเชิง ไม่ยอมให้เป็นของตาย ก็เป็นการสร้างกระเพื่อมเพื่อไม่ให้ผู้มีอำนาจหลงคิดไปว่าข้าคือผู้ยิ่งใหญ่ ใครที่มาอาศัยบารมีให้คุ้มกะลาหัวอย่าได้หือ ชี้อะไรต้องคล้อยตามเป็นไปอย่างนั้น เกมการเมืองยุคนี้หาได้มีอะไรล้ำลึกจนยากจะคาดเดาไม่
คงไม่ต้องขยับกันให้เมื่อยตุ้มและ ชวน หลีกภัย ไม่ต้องมานั่งกุมขมับ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยขยับจะให้ฝ่ายกฎหมายลองเชิงประธานสภาฯ ด้วยการยื่นให้วินิจฉัยว่า นวัธ เตาะเจริญสุข ที่เป็นส.ส.ขอนแก่นเขต 7 ของพรรคซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ จะสามารถเบิกตัวมาทำหน้าที่ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณหนนี้ได้หรือไม่ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กกต.ขอให้วินิจฉัยคุณสมบัติของส.ส.คนดังว่า พร้อมมีคำสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ความจริงหากไม่เล่นการเมืองกันเกินไป ตีความตามตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัดปมของนวัธแทบจะไม่มีอะไรให้ต้องทุ่มเถียง เพียงแต่ว่าองค์กรที่มีอำนาจไม่ยอมจะใช้อำนาจที่ตัวเองมีอย่างเต็มที่เท่านั้น ทุกอย่างมักเลือกที่จะโยนให้หน่วยงานหรือองค์กรอื่นไปทั่ว ขณะที่บางเรื่องไม่ควรจะใช้อำนาจอย่างที่หลายฝ่ายคาดไม่ถึงกับใจกล้าหน้าทน ไม่สนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จนทำให้ความเชื่อถือเชื่อมั่นต่อคณะบุคคลและองค์กรถดถอยลงอย่างน่าใจหาย
เสร็จศึกอภิปรายงบที่จะจบแบบไม่มีอะไรพลิกโผ ยังมีบทพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลอีกเรื่องคือ 3 สารพิษที่พรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน ชาญวีรกูล ชักธงรบโดยใช้หัวหมู่ทะลวงฟันที่เชื่อ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ แต่ทั้งหมดจะนำไปสู่การแบนสารอันตรายดังว่าได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ งานนี้ไม่รู้ว่าได้กลิ่นอะไรมาหรือเห็นท่าทีของเพื่อนร่วมรัฐบาลแล้วมันไม่น่าไว้วางใจ
จึงได้เห็นแอ๊กชั่นของพี่ชายรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ คนดังอย่าง ชาดา ไทยเศรษฐ์ ออกมาไล่ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดลาออกจากตำแหน่งเสียให้รู้แล้วรู้รอดหากแบน 3 สารพิษไม่ได้ พร้อมเปิดหน้าท้าชกเรื่องของผลประโยชน์ของภาคเอกชนที่มีจากการยังคงให้ใช้ 3 สารอันตรายต่อไป แต่หากอ่านท่าทีจากเสี่ยหนูในฐานะผู้นำพรรคภูมิใจไทย กรณีนี้ที่บอกว่าผลประโยชน์มหาศาลน่าจะทำให้การเดินหน้าแบนสารพิษดังว่า สะดุดหัวคะมำไม่เป็นท่า คงไม่น่าเป็นอย่างนั้น
เพราะทุกเรื่องที่เสี่ยหนูประกาศเดินหน้า จะเห็นได้ชัดว่าทางสะดวกทุกครั้ง ไม่รู้ว่ามีคาถาดีอะไร อย่าว่าแต่คนทั่วไป แม้แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ยังเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ คงต้องยอมรับกันว่า ผลจากการเลือกตั้งหนนี้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยกล้าที่จะแข็งข้อ ยิ่งความเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ พรรคที่มีเสียงส.ส.ไม่น้อยกว่า 50 ที่นั่งย่อมมีพลังมหาศาลในการที่จะกดดันให้พรรคแกนนำรัฐบาลต้องทบทวนเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่ไม่เห็นด้วย
แต่การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพรรคฝ่ายค้านในการที่จะเล่นงานรัฐบาล เพราะนี่ถือเป็นงานซ้อม สะกิดเปิดแผลของฝ่ายกุมอำนาจไว้ก่อน เหมือนเป็นการเปิดทางให้ประชาชนช่วยติดตามความไม่ชอบมาพากลของกระทรวงหนึ่งกระทรวงใด โดยสถานีต่อไปของฝ่ายค้านที่คาดหวังคือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีหัวเชื้อมาจากปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน จนมาถึงประเด็นร้อนการบรรยายของผบ.ทบ.ที่พาดพิงการเมืองแบบเต็ม
แม้ว่าจะมีเสียงทักท้วงที่ความจริงแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นจากพวกที่สนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจนั่นแหละ ที่เห็นว่ายังไม่มีประเด็นใดในการจะทำให้รัฐบาลนี้มีอันเป็นไปได้ แต่ฝ่ายค้านคงไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่ว่าต้องหาแง่มุมในการที่จะทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสาละวันเตี้ยลง จนเกิดแรงต่อต้านจากภาคประชาชนอย่างหนาแน่น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการปลุกม็อบแต่อย่างที่บอกมาโดยตลอดตราบใดที่ความเดือดร้อนของประชาชนยังอยู่และไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อนั้นรัฐบาลก็ยังไว้วางใจเรื่องเสถียรภาพไม่ได้