KKP กองทุนเริ่มซื้อกลับ
ธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KKP ราคาเริ่มกลับมาแล้ว
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
ธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KKP ราคาเริ่มกลับมาแล้ว
ล่าสุดวานนี้ (16 ต.ค.) บวกอีก 2.00 บาท ปิด 67.00 บาท เปลี่ยนแปลง 3.08% ท่ามกลางวอลุ่มกว่า 581 ล้านบาท
ราคาที่ดีดบวกครั้งนี้ เท่ากับว่า หุ้นวิ่งขึ้นมาแล้ว 3 วันทำการติดต่อกัน
หรือจากระดับ 63.75 บาท มาอยู่ที่ 67.00 บาท
จะว่าไปแล้ว ราคาหุ้น KKP ที่ลงมาลึกถึง 63.75 บาท เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นแนวรับสำคัญพอดี และเป็นราคาที่ลงมาต่ำสุดในรอบ 2 ปี 7 เดือน
ปัจจัยลบที่ทำให้หุ้น KKP ร่วงลงมามีแค่เรื่องเดียว
นั่นคือ หลุดจากการคำนวณดัชนี SET50 (มี AWC เข้าเสียบแทน)
เข้าใจว่านักลงทุนสถาบัน และกองทุนต่าง ๆ ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น SET50 น่าจะทยอยขายออกมา
สาเหตุคือ “การปรับพอร์ต” ให้ตรงกับนโยบายการลงทุนเท่านั้นเอง
มีปุจฉาว่า คนที่ขายออกมาเสียดายไหม
เชื่อว่า คนขายเขาก็อาจแอบเสียดาย เพราะหุ้นที่ลงมาครั้งนี้ แทบไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานของ KKP มากนักซักเท่าไหร่
ส่วนตอนนี้ที่ราคาดีดกลับ ก็เชื่อเช่นกันว่า นักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนต่าง ๆ อาจจะเริ่มมีการซื้อกลับ ด้วยการส่งกองทุนที่ไม่ได้ถูกจำกัดการลงทุนใน SET50 เข้ามาซื้อ
KKP ถูกจัดเป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มธนาคาร
จุดเด่นของหุ้นตัวนี้คือ อัตราการจ่ายเงินปันผล หรือ Dividend yield ที่สูงเกือบ 8% ต่อปี
และที่ผ่านมา จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
1 ปี จ่าย 2 ครั้ง เป็นแบบนี้มานานแล้ว
ดังนั้น ราคาที่ปรับลงมา เพื่อสะท้อนกับปัจจัยลบเกี่ยวกับหลุด SET50 ถือว่า สะท้อนไปหมดแล้ว
หรือเผลอ ๆ ราคาปรับลงมามากเกินไปด้วย
ในด้านผลประกอบการของ KKP
ครึ่งปีแรก อาจจะดูไม่ค่อยดีนัก
ส่วนไตรมาส 3/2562 เห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดกันว่า กำไรสุทธิน่าจะทรงตัวทั้งจากไตรมาส 3/2561 และจากไตรมาสก่อนหน้า (Q2/2562)
กำไรที่ยังทรง ๆ แบบนี้ มาจากการตั้งสำรองฯ ที่ยังสูงอยู่บ้าง จาก NPL ที่เพิ่มขึ้น (บ้าง)
แต่ข่าวดีของ KKP จะไปอยู่ในไตรมาส 4 ปีนี้
เท่าที่สำรวจตรวจสอบข้อมูลพบว่า นักวิเคราะห์ต่างมีมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อผลประกอบการไตรมาส 4/2562
สรุปแบบง่าย ๆ คือ ตอนนี้ไม่ต้องไปมองไตรมาส 3 แล้ว
เพราะราคาหุ้นที่ลงมาบริเวณ 60.00 บาทปลาย ๆ มันสะท้อนเรื่องลบ ๆ ไปหมดแล้วล่ะ
ดังนั้น ให้มองข้ามไปที่ไตรมาส 4 กันเลย
ไตรมาส 4/2562 KKP น่าจะมีรายได้จากดอกเบี้ยเติบโตขึ้นจากสินเชื่อที่ปล่อยพุ่งกว่า 8% แล้วในช่วง 9 เดือนแรก
และส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก หรือ High yield
KKP ยังจะมีรายได้จากการเข้าไปรับรู้รายได้ของ บล.ภัทร ที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินกับดีลไอพีโอ และควบรวมกิจการขนาดใหญ่อีก และจะมีการบันทึกเข้ามาในช่วงปลายปีนี้
เช่น ที่ปรึกษาทางการเงินของหุ้น DOHOME (เข้ามาในไตรมาส 3/2562)
ดีลควบรวมกิจการของ TMB และ TBANK และที่สำคัญคือ ดีลหุ้นยักษ์ใหญ่ AWC ที่จะเข้ามาบันทึกในไตรมาส 4/2562
มีการดีดลูกคิดคำนวณกันออกมาว่า รายได้ค่าธรรมเนียมฝั่ง IB ของ KKP ปี 2562 จะเติบโตแรง 25%
ปัจจัยบวกเหล่านี้ ประกอบกับราคาหุ้นที่ลงมาเป็นจุด Bottom ทำให้เกิดการฟื้นตัวในด้านสัญญาณทางเทคนิค
ไม่เพียงเท่านั้นนะ
KKP ยังเป็นหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ หากมีกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือ SEF มาแทน LTF
เพราะเดิมกองทุน LTF ทั้งประเทศ 93 กองทุน ถือหุ้น KKP รวมกันอยู่ 0.21% ยังน้อยกว่าสัดส่วน มาร์เก็ตแคป หุ้นในดัชนี SETTHSI + กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่ 0.59%
จึงมีโอกาสสูงที่ “กองทุน” จะทยอยลงทุนใน KKP เพิ่มเกินกว่าเท่าตัวถึง 0.38%