อุ๋ย..อยู่ไหน?โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนอารมณ์ของตลาดหุ้นไทยจะมีแต่เรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าเข้ามาไม่เว้นในแต่ละวัน สภาพการลงทุนในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ถึงมีแต่อาการทรุดลงลูกเดียว ข่าวสารที่จรรโลงจิตใจไม่มีปรากฏให้เห็นแม้แต่เรื่องเดียว ขณะที่คนใหญ่คนโตในแวดวงตลาดหุ้นกลับหุบปากเงียบ ไม่หือ ไม่อือ ไม่ลือ อะไรกันบ้างเลยแบบนี้ บรรยากาศการลงทุนถึงวังเวงขึ้นเรื่อยๆ ไงล่ะจ๊ะ
*ดูเหมือนอารมณ์ของตลาดหุ้นไทยจะมีแต่เรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าเข้ามาไม่เว้นในแต่ละวัน สภาพการลงทุนในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมา ถึงมีแต่อาการทรุดลงลูกเดียว ข่าวสารที่จรรโลงจิตใจไม่มีปรากฏให้เห็นแม้แต่เรื่องเดียว ขณะที่คนใหญ่คนโตในแวดวงตลาดหุ้นกลับหุบปากเงียบ ไม่หือ ไม่อือ ไม่ลือ อะไรกันบ้างเลยแบบนี้ บรรยากาศการลงทุนถึงวังเวงขึ้นเรื่อยๆ ไงล่ะจ๊ะ
*ประเด็นตรงนี้ทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงบทบาทของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนก่อนๆ ขึ้นมาในทันที ไม่ว่าจะเป็น “ธีระชัย” ก็ให้ความสำคัญตลาดหุ้นไทยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่นๆ หรือแม้แต่ “กรณ์” ก็ใช้ตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือกระตุ้นความมั่งคั่งของระบบเศรษฐกิจ ขณะที่ “กิตติรัตน์” ก็ทะลวงทุกอุปสรรคในการระดมทุน เพื่อเปิดช่องให้ธุรกิจทุกขนาดเข้าถึงทุนได้ง่ายขึ้นพะยะค่ะ
*ที่น่าสนใจคือ ทุกคนมักออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเป็นประจำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อระบบตลาดทุน และบางครั้งยังพยายามสอนให้นักลงทุนได้รู้ถึงความสำคัญของตลาดทุนควบคู่กันไปด้วย แต่สำหรับ “อุ๋ย 100 จุด” กลับไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรทั้งสิ้น จนมีการทวงถามถึงท่าทีในวันนี้จะออกมาเป็นแบบไหน? ระหว่าง หายเงียบไปเฉยๆ หรือโผล่มาให้เห็นตัวเป็นๆ แต่ไม่พูดอะไรเลย หรือเซอร์ไพรส์ด้วยการพูดถึงแผนกระตุ้นตลาดหุ้นเจ้าค่ะ
*เนื่องจากในห้วงเวลานี้ไม่มีผู้รับผิดชอบตลาดหุ้นโดยตรงออกมาแสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นเลยสักราย “โมนิก้า” ถึงต้องออกมาทวงถามกับหัวเรือใหญ่โดยตรง ขืนปล่อยให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแห้งเหี่ยวเฉาตายไปเรื่อยๆ กว่าจะกอบกู้ให้กลับมาดีดั่งเดิม มันไม่ใช่เรื่อง่ายๆ บวกกับตลาดหุ้นไทยโดนตีขนาบด้วยมาตรการเด็ดปีกแมงเม่า อะไรหลายอย่างถึงได้แย่ลงแบบนี้.. รมต.คลัง เลขาธิการ ก.ล.ต. และผู้จัดการตลาดฯ ใครจะเป็นคนให้ความกระจ่างล่ะจ๊ะ
*ประเด็นข้างต้นถูกย้ำหัวหมุดด้วยดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,466.71 จุด ลบไป 12.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.52 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางอีกครั้งในรอบ 3 เดือนกว่า และทำท่าจะแย่ลงไปอีกเมื่อเดือนก.ค. ฝรั่งตาน้ำข้าวทิ้งหุ้นออกมามากถึง 1.70 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีสาดออกมาทั้งสิ้น 3.31 หมื่นล้านบาท มันสะท้อนว่า ฝรั่งโบกมือลาตลาดหุ้นไทยแล้วเจ้าค่ะ
*ผลพวงดังกล่าวดูได้จาก PTT PTTEP AOT ยังถูกกระทำชำเราต่อไปอย่างไม่มีกำหนด แรงซื้อที่เคยเข้ามารับหุ้นหดหายไปดื้อๆ บวกกับสตอรี่ดีๆ ที่เคยเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ก็ไม่ปรากฏให้เห็น สถานภาพของหุ้นถึงทรุดลงไปอีก งานนี้บอกได้แค่ว่า ราคาที่เห็นว่าถูกแล้ว วันถัดไปอาจมีราคาถูกกว่านี้ให้เห็นอีก เพราะอะไรหลายอย่างไม่เอื้อให้ช้อนเก็บหุ้นไว้ในพอร์ตนะซี
*ขนาดหุ้นเป็ดน้องใหม่ BR ซึ่งมีทั้ง “ความสด ความซิง” ยังไม่สามารถโน้มน้าวให้นักลงทุนสถาบันกอดหุ้นไว้ได้เลยแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่นักเล่นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในเมื่อกระแสตลาดมีแต่เรื่องห่อเหี่ยว ต่อให้สตอรี่ดีแค่ไหน มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 11.10 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 6% บอกได้แค่ว่า ทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัวดีที่สุดนะจ๊ะ
*ส่วนใครที่รู้ตัวว่า เป็นพวกฮาร์ดคอร์ ไม่หวั่นทุกสถานการณ์ พร้อมเคาะขวาสุดตัว “โมนิก้า” ถือว่า TRUBB เป็นของเล่นแก้ขัดเวลาชั้นยอด ปัจจัยพื้นฐานไม่ต้องพูดถึงให้เสียเวลา การเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะการที่หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 1.99 บาท บวกไป 0.27 บาท หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 450 ล้านบาท มันเหมือนกับเหตุการณ์ในเดือนมิ.ย. ที่ดันกันขึ้นไปถึง 2.50 บาท แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ร่วงลงมาเรื่อยๆ ก็ของมันเคยๆ กันอยู่..แค่มองตาก็รู้ทันทีว่า ต้องการอะไรเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของ THE (เดิม คือ บมจ.ไทยง้วน) จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 7.50 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 29% ด้วยมูลค่า 90 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเพียงแค่ผลทางจิตวิทยาการลงทุน เพราะแผนขายหุ้น PP จำนวน 150 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท มันเป็นเพียงแค่เกมในการพลิกฟื้นระยะสั้น บวกกับมีข่าวเม้าท์ในทำนองที่ว่า กลุ่มที่เข้ามาใหม่เป็นนามสกุลเดียวกันกับกลุ่มเดิม จึงไม่รู้ว่า ธุรกิจจะกลับมาทำกำไรอย่างบูรณาการได้อย่างไร?
*เช่นเดียวกับในรายของ GENCO ทำท่าเหมือนจะมาดีตั้งแต่เปิดตลาด เทรดไป..เทรดมา ก็ทำให้ราคาหุ้นร่วงจากระดับสูงสุดของวันที่ 3.28 บาท ร่วงลงมาปิดที่ 3.02 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 420 ล้านบาท พร้อมกับเกิดสัญญาณค้อนหัวกลับอย่างแจ่มแจ้งแบบนี้ ตามตำราคาเขาว่ากันว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูง บวกกับสตอรี่เริ่มหมดมนต์ขลัง..โกยเถอะโยม..อิอิอิ
*ส่วนที่รูดม่านปิดฉากไปอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ DIMET สุดท้ายกลุ่มทุนใหม่ภายใต้การนำทัพของ “เสี่ยขุน” และอีกหนึ่งนักเล่นหุ้นตัวยงก็เปิดหน้าให้คนทั่วไปได้เห็นสักที ซึ่งทำให้ทุกคนถึงบางอ้อในทันทีว่า ที่แท้ก็กากี่นั้ง พร้อมกับเฉลยคำตอบเรื่องทำเทนเดอร์ที่ 3.60 บาท มันเป็นการทำให้ทุกอย่างแฟร์เพลย์ เจ้าของ กับ ที่ปรึกษาฯ เห็นตรงกันว่า ช่องทางนี้โปร่งใสที่สุด..ส่วนคนที่เข้าไปไล่หุ้นเหนือ 10 บาท ก็คงค้นพบสัจธรรมที่ว่า ทุกอย่างต้องอยู่บนปัจจัยพื้นฐาน..ในเมื่อแวลูกิจการ 0.50 บาท หุ้นมันจะขึ้นไปแตะสิบบาทยี่สิบบาทได้อย่างไรล่ะพ่อทูนหัว