สงครามยังไม่จบ
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นยังไม่มีอะไรแน่นอน และมีปัญหาหลายอย่างให้นักลงทุนต้องขบคิด “โมนิก้า” ถึงพยายามบอกกับทุกคนว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพ” เพราะสิ่งที่เคยคิดเคยฝัน ไม่เคยเป็นไปตามฝัน ผนวกกับตัวแปรจากต่างประเทศก็มีอิทธิพลค่อนข้างมาก จึงสมควรแก่เวลาลดพอร์ตการลงทุน หรือหากจะใช้ยุทธการดักซื้อหุ้นแล้วรอขาย น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับพวก “กล้าได้ อายอด” พะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นยังไม่มีอะไรแน่นอน และมีปัญหาหลายอย่างให้นักลงทุนต้องขบคิด “โมนิก้า” ถึงพยายามบอกกับทุกคนว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” เพราะสิ่งที่เคยคิดเคยฝัน ไม่เคยเป็นไปตามฝัน ผนวกกับตัวแปรจากต่างประเทศก็มีอิทธิพลค่อนข้างมาก จึงสมควรแก่เวลาลดพอร์ตการลงทุน หรือหากจะใช้ยุทธการดักซื้อหุ้นแล้วรอขาย น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับพวก “กล้าได้ อายอด” พะยะค่ะ
*สิ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้พิจารณาก่อนเข้าซื้อหุ้นทุกครั้งก็คือ ค่า P/E และ ค่า P/BV เพราะตัวเลขดังกล่าวเหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า หุ้นตัวไหนน่าลงทุน..หุ้นตัวไหนราคาหุ้นขึ้นมากเกิน หากใครไม่เชื่อเรื่องดังกล่าวที่เดี๊ยนเล่าให้ฟัง ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ประกอบกับตลาดหุ้นยังเคลื่อนตัวในรูปแบบ W-Shape จึงไม่มีจุดเปลี่ยนที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะวิ่งยาวเกินกว่ากรอบเดิมที่เคยทำไว้ไงล่ะจ๊ะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นในวันนี้ คงจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เพื่อทำการสร้างฐานแนวรับให้มั่นคงเสียก่อน หลังจากนั้นถึงจะทะยานขึ้นใหม่อีกครั้ง เดี๊ยนถึงไม่ตกใจที่วานนี้เห็นดัชนียืนปิดที่ 1,620.78 จุด ลบไป 10.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.09 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันตลาดหุ้นก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามา จึงต้องติดตามปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ว่าภาครัฐจะมีการออกมาตรการใหม่ ๆ เข้ามาดูแลหรือไม่? (หนังม้วนเดิมที่ฉายซ้ำไปมา แต่จำเป็นต้องฉายซ้ำตลอดเวลา เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนตัวของดัชนี) นะจะบอกให้
*พร้อมกันนั้นก็มีการแสดงความคิดเห็นว่า ตลาดหุ้นคงทดสอบแรงขายต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อสะสมกำลังก่อนวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านจิตวิทยา ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ถึงต้องพุ่งเป้าไปที่การหาจังหวะลงทุนในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาดี “โมนิก้า” ถึงมองว่านักลงทุนเริ่มหันมาเทใจให้หุ้นเล็กมากกว่าหุ้นตัวใหญ่ ๆ และวานนี้ก็มีหุ้นตัวเล็กหลายตัวโผล่ขึ้นมาจี๊ดจ๊าดเจ้าค่ะ
*ขนาดหุ้น AWC มีกองทุนคอยสปอยล์ตลอดเวลา สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานแรงเทขายที่มีออกมาได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นทรุดตัวลงต่อเนื่อง จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 6.15 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.26 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเริ่มคิดแล้วว่า หุ้นที่เทรดบนค่า P/E 303 เท่า มันใช่ทางเลือกสำหรับการลงทุนจริงหรือเปล่า?
*เช่นเดียวกับในรายของ IVL โดนกระแสรักษ์โลกเล่นงานเข้าอย่างจั๋งหนับ ราคาหุ้นเลยเกิดอาการเป๋จนกู่ไม่กลับ ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดที่ระดับ 28.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 990 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี 11 เดือน ทั้งที่เทรดบนค่า P/E 8.80 เท่าแบบนี้ เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นักเล่นกังวลใจเกี่ยวกับตัวเลขกำไรในอนาคตนะจ๊ะ
*คล้ายกับกรณีของ TPIPP ทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.20 บาท ลบไป 0.26 บาท หรือลงไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 176 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low ทั้งที่เข้าตลาดหุ้นได้แค่ 2 ปีครึ่ง “โมนิก้า” ถือเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ที่นักเล่นต้องเอามาเป็นบทเรียนสำหรับการเล่น เพราะเมื่อมองดูจากค่า P/E 8.90 เท่า มันทำให้สงสัยว่า เบื้องหลังน่าจะมีอะไรไม่ดีซ่อนไว้หรือเปล่า? งานนี้ถึงต้องติดตามดูตอนต่อไป…อิอิอิ
*ขนาดหุ้นปลาดิบ ZEN มีโปรไฟล์หรูหราให้พรรณนามากมาย จนนักเล่นกระโจนใส่หนุบหนับ แต่พอถึงช่วงโค้งสำคัญสำหรับการเคาะขวารัว ๆ นักเล่นกลับไม่กล้าสวนกระแสแม้แต่คนเดียว ส่งผลให้ราคาหุ้นไหลรูดลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 13.80 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่แห้งเหือด 36 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของการอยู่เฉย ๆ เพื่อรอให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำ ต่อจากนั้นค่อยลุยนะจะบอกให้
*ส่วนหุ้นเล็กที่มี growth เป็นตัวนำร่องสำคัญอย่าง TACC ถือเป็นช็อตที่นักเล่นห้ามมองข้ามเป็นอันขาด เพราะผลงานในช่วงครึ่งปีแรกที่เห็นว่าดีเหลือหลาย! อาจเทียบเท่าไม่ได้กับตัวเลขในครึ่งปีหลัง และตัวเลขในปีหน้าอย่างแน่นอน “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองดูการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.90 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท มันใช่จังหวะของการสะสมหุ้นรอบใหม่อ๊ะป่าว?