กลุ่มหุ้นมือถือดี๊ด๊า รับ iPhone 11
Apple ได้ออก iPhone 11 และ Apple watch serie 5 เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
เส้นทางนักลงทุน
สืบเนื่องจากทาง Apple ได้ออก iPhone 11 จำนวน 3 รุ่น (iPhone 11, 11 Pro และ 11 Pro Max) และ Apple watch serie 5 ซึ่งเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา พบว่า มีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะถือว่าราคาโทรศัพท์ iPhone 11 ไม่แพงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ประกอบกับมีคุณสมบัติดีขึ้น คือ ชิปที่ทรงพลังที่สุดและรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน พร้อมระบบกล้องคู่แบบใหม่หมดและแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานตลอดวันที่ยาวนานยิ่งขึ้น
ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อบริษัทที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายของ Apple โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากยอดขายของ iPhone 11 พุ่งขึ้น ! เพราะจะทำให้ตัวแทนจัดจำหน่ายมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แล้วช่วยหนุนให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2562 จะเติบโตแข็งแกร่ง
เชื่อว่าบริษัทคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากยอดขาย iPhone 11 พุ่ง อย่างกลุ่มมือถือ ได้แก่ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART, บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW, บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI และ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เป็นต้น สืบเนื่องจากเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple
ขณะเดียวกันทางราคาหุ้นบนกระดาน เมื่อวันที่ 21 ต.ค.62 ของกลุ่มมือถือข้างต้น พบว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับ Sentiment เชิงบวกกันทั่วหน้า
บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ 28.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 457.03 ล้านบาท
บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ 2.54 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 0.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105.53 ล้านบาท
บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ 2.18 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 1.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13.41 ล้านบาท
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ราคาหุ้นขึ้นไปปิดที่ 8 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.08 ล้านบาท
นอกจากราคาหุ้นวิ่งรับข่าวดีจากข่าว iPhone 11 เปิดตัวในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้เนื่องจากจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มธุรกิจไอทีอีกด้วย
แม้ว่าทาง บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ราคาหุ้นปิดที่ 9.60 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือลงไป 0.52% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 99.96 ล้านบาท แต่ระหว่างวันราคาหุ้นขึ้นไปทำ High 9.85 บาท ขณะที่ราคาหุ้นทำ Low 9.60 บาท
ถึงอย่างไรทาง JMART เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก iPhone 11 เนื่องจาก ราคาขายเหมาะสมมากขึ้น จะช่วยหนุนยอดขาย J Mobile เติบโต ขณะเดียวกันทางนักวิเคราะห์มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2562 จะยังเติบโตเด่นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน โดยได้แรงหนุนหลักจาก JMT รับรู้รายได้จากพอร์ตที่ตัดต้นทุนแล้วเสร็จ และ SINGER เร่งตัวปล่อยสินเชื่อ C4C หลังได้รับเงินเพิ่มทุน ช่วยหนุนกำไรให้ JMART ทำจุดสูงสุดใหม่
ด้วยบริษัทจำหน่ายมือถือทั้ง 5 บริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัวใหม่ของ iPhone 11 ! แต่มองบริษัทดาวเด่นในกลุ่ม เป็น บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เชื่อว่ายอดขาย iPhone 11 ที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อรายได้ของบริษัทในไตรมาส 4/2562 และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/2563
นอกจาก iPhone 11 แล้ว ยังมีสินค้าใหม่ของ Apple ได้แก่ iPad 7 ที่ราคาไม่สูงหรือ 1 หมื่นบาทต้น ๆ และ Apple Watch series 5 จะวางจำหน่ายที่ราคา 13,400 บาทในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ขณะที่ Apple Watch series 3 ได้ปรับราคาลงเหลือ 6,400 บาท โดยปีหน้าหากระบบ 5G เกิดขึ้นเร็วก็เป็นโอกาสที่กระตุ้นให้คนเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือมาใช้รุ่นที่รองรับมากขึ้น
ประกอบกับบริษัทยังได้นำร้านค้าเข้าร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ผ่านสาขาในกรุงเทพฯ 10 สาขา และในเฟส 2 ก็จะเข้าร่วมด้วย เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ส่วนหนึ่งด้วย
รวมถึงช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ, Synergy จากการถือหุ้นของ BTS รวมทั้งการเข้าสู่ยุค 5G ที่หนุนยอดขายให้สูงขึ้นในช่วงปลายปี 2563
พร้อมกันนั้นในระยะยาว COM7 จะยังขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่มให้เป็น 800 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายเติบโตขึ้นด้วย จากปัจจุบัน COM7 มีร้าน Apple brand shop ภายใต้แบรนด์ Studio7 จำนวน 100 สาขา นอกจากนี้มีร้าน BaNANA 230 สาขา Kingkok Phone 103 สาขา BKK 42 สาขา TRUE Shop by COM7 มี 121 สาขา BaNANA Shopping (แฟรนไชส์) 70 สาขา iCare 26 สาขา และ Brand Shop 35 สาขา
ดังนั้นจากกลยุทธ์พร้อมขยายสาขาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญในการต่อยอดโอกาสใหม่ ๆ เพื่อขยายการเติบโตทั้งรายได้และกำไรในอนาคต
ในขณะที่ทางนักวิเคราะห์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท
สรุปได้ว่าในระยะสั้นหากกระแส iPhone 11 ยังได้การตอบรับที่ดี ประกอบกับที่คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น ดังนั้นตามหลักการก็จะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มตัวแทน Apple ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ !!!