แรงเป็นประวัติการณ์

*ช่วงนี้ “บ้านเรา เมืองเรา” มีแต่เรื่องแปลกประหลาดชวนให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ถึงขนาดผู้คนทั่วไปเกิดอาการอินเนอร์แบบจัดเต็มทุกกระบวนท่านั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องพอทำใจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักมีลักษณะ “อารมณ์” อยู่เหนือ “เหตุผล” เป็นประจำ ส่งผลให้อะไรหลายอย่างวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นสักที เดี๊ยนถึงได้แต่ปลงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ช่วงนี้ “บ้านเรา เมืองเรา” มีแต่เรื่องแปลกประหลาดชวนให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ถึงขนาดผู้คนทั่วไปเกิดอาการอินเนอร์แบบจัดเต็มทุกกระบวนท่านั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องพอทำใจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่มักมีลักษณะ “อารมณ์” อยู่เหนือ “เหตุผล” เป็นประจำ ส่งผลให้อะไรหลายอย่างวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นสักที เดี๊ยนถึงได้แต่ปลงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไงล่ะคะ

*เหมือนกับอาการที่ดัชนีพยายามถีบตัวขึ้นอีกรอบอย่างขมีขมัน แต่สุดท้ายกลับทรุดตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 1,620.97 จุด ลบไป 10.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.03 หมื่นล้านบาท ก็เป็นวัฏจักรเดิมที่นักเล่นรู้อยู่แก่ใจกันอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องซีเรียสมากกว่าที่เป็นอยู่ ผนวกกับนักเล่นกลุ่มสถาบันเริ่มโยกหุ้นแต่ละกลุ่มไปมาอีกรอบ ดัชนีถึงมีอาการสวิงสวายอย่างหนักในช่วงหนึ่งสัปดาห์มานี้นะจ๊ะ

*ตัวอย่างง่าย ๆ ที่เห็นในเที่ยวนี้ คงเป็นหุ้นแบงก์ที่โดนพวกกองทุนถล่มยับ จนราคาหุ้นทรุดตัวลงหนักอย่างถ้วนหน้า “โมนิก้า” มองเป็นวิบากกรรมของกำไรไม่โตเหมือนที่คาดหวังกันไว้ จึงต้องเร่งระบายหุ้นจากพอร์ตให้ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้สภาพตลาดหุ้นวานนี้ดูย่ำแย่อีกครั้ง พร้อมกับเชื่อว่าดัชนีคงลงไปตั้งหลักบริเวณ 1,600 จุดอีกครั้งแหง ๆ นะคุณพี่

*ส่วนรายที่มีอาการ “ซี้แหงแก๋” พร้อมกับมีลักษณะลงยาวจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ ต้องยกให้แบงก์สีเขียว KBANK หลังรูดลงมาปิดที่ 138 บาท ลบไป 11 บาท หรือลงไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.63 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 7 ปี 8 เดือน เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ไม่มีใครอยากเข้ามารับของ ถึงปล่อยให้ราคาหุ้นลงลูกเดียว แถมพวกกองทุนมีแนวคิดไปในทางเดียวกันว่า ยังมีของถูกให้ซื้ออีกแบบนี้..ซาโยนาระดีกว่า..อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของ AWC ไหลลงมาปิดที่ 6.05 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท ก็ทำให้รู้ในทันทีว่า กองทุนหมดแรงประคองหุ้นอีกต่อไป หลังต้องใช้เงินเยอะในการดันหุ้นให้ขึ้นแต่ละช่องแบบนี้ “โมนิก้า” ขอเดาเลยว่า หุ้นมีโอกาสหลุดจอง (6 บาท) ค่อนข้างสูง! เพราะเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์จะเห็นว่า มีหุ้นหลายตัวที่ราคาถูกกว่า แถมยังมีอัพไซด์สูงกว่า คนก็เลยเฮโลไปเล่นหุ้นตัวอื่นเจ้าค่ะ

*โดยดาวเด่นที่มีกองทุนเข้ามาตะลุมบอนอย่างสนุกสนาน “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปยังหุ้นน้องใหม่ RBF ซึ่งเป็นหุ้นนวัตกรรม “รายแรก รายเดียว” ของตลาดหุ้นไทยที่ครบเครื่องในเวลานี้ ผนวกกับข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโตก็แบเบอร์ให้เห็นกันชัด ๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.36 บาท บวกไป 1.06 บาท หรือขึ้นไป 32.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.38 พันล้านบาท เลยเป็นช็อตที่ต้องดูกันยาว ๆ นะจะบอกให้

*อีกรายที่ทรงค่อนข้างดี และน่าจะดีต่อไปเรื่อย ๆ คงไม่พ้นเสือนอนกินอย่างหุ้น AOT กระชากขึ้นมาปิดที่ 78 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.67 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high ให้เห็นเป็นบุญตา “โมนิก้า” มองไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับหุ้นตัวนี้ เพราะราคาเป้าหมายที่กูรูสำนักต่าง ๆ มองไว้เกินระดับ 80 บาทกันทั้งนั้น จึงเป็นอีกหุ้นที่น่าสนใจพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BGRIM ทะยานขึ้นทำ all time high ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 52.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.64 พันล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจากโครงการหลากหลายรูปแบบกำลังขึ้นหม้อสุด ๆ บรรดานกรู้ถึงกระโจนใส่แบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพราะเมื่อนั่งดีดลูกคิดไปข้างหน้าอีก 1 ปี เขาว่ากันว่าราคานี้ยังมีอัพไซด์ให้วิ่งอีกบานตะไท..จริงหรือไม่ คอยดูกันต่อไป..อิอิอิ

*คล้ายกับกรณีของหุ้นน้องสีทนได้ TOA เคาะขวาเบา ๆ ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นมาปิดที่ 46 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 256 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time high “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นหุ้นที่นักเล่นห้ามมองข้ามเป็นอันขาด แถมแมงลือเม้าท์มอยกันว่า ผลงานไตรมาส 3 แจ่มแจ๋วอย่างไม่น่าเชื่อ! เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดว่า จริงอ๊ะป่าว!

*ตบท้ายกันที่เรื่องตลกหกเก้าที่บรรดาขาเผือกเม้าท์กันให้แซดว่า STEC ถูกถล่มจนลงมายืนปิดที่ 18.60 บาท ลบไป 1.70 บาท หรือลงไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.18 พันล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจาก “เสี่ยหนู” ออกตัวแรงเกินไป แถมยังแทงผิดข้างอีกด้วย ผู้คนทั่วไปเลยจินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า ชวดงาน! เพราะเมื่อคิดจากโครงการเชื่อมรถไฟ 3 สนามบินมูลค่าสองแสนล้าน แต่ดันไม่มีเอี่ยวอะไรกับเขาเลยแบบนี้..ไส้แห้งแน่ ๆ อิอิอิ

Back to top button