ปากไม่อยู่สุข ?
*ในแวดวงตลาดหุ้นมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพวกปากปีจอให้เห็นตลอดเวลา และทุกครั้งที่บรรดาลูกกระเป๋งของแก๊งขาปั่นน่องเหล็กออกข่าวมั่วทีไร! “โมนิก้า” มักเห็นคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ผสมโรงกับเขาด้วยทุกครั้ง จึงกลายเป็นบรรยากาศการลงทุนที่สุดแสนจะน่าเบื่อหน่าย เพราะสมาคมแมงลือปั่นกระแสแบบไม่ดูดำดูดีอะไรทั้งนั้น จนผู้คนในวงการส่งเสียงเชียร์ให้ตามสอยบรรดาเหลือบไรตลาดหุ้นที่ชอบใช้ “เฟซปลอม ไลน์ปลอม” ไงล่ะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ในแวดวงตลาดหุ้นมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพวกปากปีจอให้เห็นตลอดเวลา และทุกครั้งที่บรรดาลูกกระเป๋งของแก๊งขาปั่นน่องเหล็กออกข่าวมั่วทีไร! “โมนิก้า” มักเห็นคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ผสมโรงกับเขาด้วยทุกครั้ง จึงกลายเป็นบรรยากาศการลงทุนที่สุดแสนจะน่าเบื่อหน่าย เพราะสมาคมแมงลือปั่นกระแสแบบไม่ดูดำดูดีอะไรทั้งนั้น จนผู้คนในวงการส่งเสียงเชียร์ให้ตามสอยบรรดาเหลือบไรตลาดหุ้นที่ชอบใช้ “เฟซปลอม ไลน์ปลอม” ไงล่ะคะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” จั่วหัวคอลัมน์เมื่อวันก่อนไปว่า “ธรรมชาติลงโทษ” เพราะต้องการสื่อให้นักเล่นได้เห็นระบบการเล่นที่ผิดแผกจากความเป็นจริงมากเท่าไหร่ ผลร้ายที่เกิดขึ้นในอนาคตก็จะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ต้องแปลกใจที่ช่วงนี้หุ้นหลายตัวโดนทุบหนัก และหุ้นบางตัวดีดตัวขึ้นแรงอย่างไม่น่าเชื่อ จึงต้องเผื่อใจกับอาการสวิงไปมาของหุ้นแต่ละตัวด้วยนะจ๊ะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,601.83 จุด บวกไป 10.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.65 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการซื้อกลับแค่ช่วงสั้น ๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ บวกกับเมื่อดูตามหน้าเสื่อที่เห็นกันอย่างทนโท่ “โมนิก้า” ก็ยังมองไม่เห็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของค่า P/E 18 เท่า และค่า P/BV 1.80 เท่า ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการลังเลใจในการซื้อหุ้น (สูงเกินไปเมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้) นะคะ
*สถานการณ์ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งชนวนเหตุที่ทำให้มีการปล่อยข่าวกันอย่างสนุกสนาน ทั้งที่วันก่อนเพิ่งเห็นหุ้นโดนถล่มขายเละเทะ แต่เผลอแป๊บเดียวกลับมาดันหุ้นสุดลิ่มทิ่มประตู ผสานกับพวกบล็อกเทรดกระโดดเข้ามาอัดประตูหลังแบบไม่ปรานี ส่งผลให้หุ้นบลูชิพหลายตัวเดินตุปัดตุเป๋อย่างน่าสงสาร จนไม่หลงเหลือเสน่ห์ความน่าสนใจที่เคยมีให้เห็นอีกต่อไปนะจะบอกให้
*เหมือนกับแรงเทขายที่กระหน่ำใส่หุ้นโรงไฟฟ้าอย่างหนักหน่วง จนราคาร่วงปลิวละล่องอย่างไม่น่าเชื่อในคราวนี้ บรรดาเกจิอาจารย์ดังต่างโยนความผิดให้กับพวกบล็อกเทรดเป็นตัวต้นเหตุนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการหา “แพะรับบาป” มากกว่าการหา “ความจริง” จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจเกมหุ้นที่เกิดขึ้นกับหุ้นไฟฟ้าแต่ละตัวมันมีสตอรี่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เดี๊ยนถึงต้องการให้แมงเม่าพยายามกำหนดจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจนไงล่ะคะ
*เช่นเดียวกับการการอ่อนตัวของหุ้น GPSC มีรากฐานข่าวเม้าท์มาจากโอเวอร์แวลูเป็นตัวการหลัก บวกกับเป็นช่วงหมดโปรโมชั่นอินเลิฟพอดี ราคาหุ้นถึงไหลลงหนักเป็นวันที่ 2 พร้อมกับลงไปทำราคาต่ำสุดที่บริเวณ 79.75 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ 83.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.60 พันล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่สำหรับคนที่ถือหุ้นตัวนี้อยู่นะจ๊ะ
*ขนาดสุดเลิฟอย่างหุ้น EA ขึ้นน้อยกว่าใครเพื่อนในกลุ่มไฟฟ้า และปีนี้ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กลับโดนพิษข่าวลือเล่นงานจนอ่วมอรทัย “โมนิก้า” ย่อมไม่แฮปปี้กับพวกปากปีจอที่คอยแต่อิจฉาการเติบโตของคนอื่น จึงหันมาใช้วิชามารเล่นงานทุกช่องทาง และดูเหมือนจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจเสียด้วย วานนี้ถึงเห็นหุ้นรูดลงมากองอยู่ที่ 41.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.76 พันล้านบาท..ถึงกระนั้นเดี๊ยนก็อยากบอกแฟนคลับให้จับตาดูดี ๆ ว่า คนอย่าง “น้องโภชน์” กับ “น้องอมร” ยังมีทีเด็ดจะโชว์ให้เห็นอีกแน่นอน เดี๋ยวคอยดูแล้วกัน…อิอิอิ
*เหมือนกับหุ้น GULF ภายใต้การจัดการของ “เฮียกลาง” ถูกถล่มลงมาหนักแค่ไหนก็ตาม เดี๋ยวก็มีช็อตเด็ดกีฬามันออกมาให้เห็นอยู่ดี ซึ่งวานนี้ก็เป็นการแซมเปิลกำลังภายในให้เห็นด้วยการดันหุ้นจากราคาต่ำสุดของวันที่บริเวณ 153 บาท ขึ้นมาปิดที่บริเวณ 159.50 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.67 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้นักเล่นได้รู้ว่า ยังมีคนรอไล่เก็บหุ้นเป็นจำนวนมากนะจะบอกให้
*ส่วนรายที่พลิกนรกอย่างไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยังหุ้นตราดอกบัว BBL กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 176.50 บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.43 พันล้านบาท ท่ามกลางปัญหาเอ็นพีแอลที่อีนุงตุงนังกันทั้งระบบ ย่อมเป็นเรื่องน่าเสียวไส้สำหรับคนที่มองว่า หุ้นแบงก์จะไปยาว ๆ เพราะเดี๊ยนยังไม่เห็นตัวแปรที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิมเลยพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ IVL กระชากขึ้นมาปิดที่ 28.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 933 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่สวนทางกับจังหวะที่เป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะทุกคนต่างรับรู้กันดีว่า ธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหน้า ส่งผลให้การไล่ราคากลับขึ้นมาเที่ยวนี้น่าจะเป็นเพียงการเล่นรอบธรรมดาเจ้าค่ะ