ไร้ทิศทาง

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากจั่วหัวแบบนี้หรอก! แต่เป็นเพราะสถานการณ์ของบริษัทนอกตลาดหุ้นปิดตัวลงเรื่อย ๆ ทำให้เดี๊ยนมองเห็นความอ่อนด้อยของผู้มีอำนาจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยชัดเจนขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในส่วนของการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของธปท.อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถือว่าเหลวเป๋วยิ่งกว่า..ขี้ แบบนี้กระมัง! ผู้คนในวงการตลาดหุ้นถึงก่นด่าคุณชายวิรไท ไม่มีชิ้นดี..อิอิอิ

*เนื่องจากบริษัทส่งออกที่ปิดตัวลงมักเม้าท์ถึงประเด็นเงินบาทเป็นประจำ “โมนิก้า” เลยมองปัญหาในส่วนนี้จะทำให้สถานการณ์ของบริษัทที่มีสายป่านไม่ยาวลำบากขึ้นไปอีก เดี๊ยนถึงพยายามให้นักเล่นได้เข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยามนี้ ล้วนทำให้ผู้คนมีอาการมึนแปดด้านกันอย่างถ้วนหน้า หลังเศรษฐกิจไทยอยู่ในลักษณะไร้ทิศทาง และโอนอ่อนตามกระแสโลกอย่างมีนัยสำคัญน่ะซี

*เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าแปลกใจกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่มีลักษณะ “สามวันดี สี่วันไข้” เพราะเมื่อมองดูผลงานล่าสุดที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ บริษัทส่วนใหญ่ล้วนแสดงตัวเลขกำไรลดลงกันเป็นแถว จนนำไปสู่การขายทิ้งเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน และทำให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนอย่างหนักตั้งแต่เช้า ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,626.20 จุด บวกไป 4.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.54 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ

*เหมือนกับรายการ “เก็บฉาก ม้วนเสื่อ กลับบ้าน” ที่เกิดขึ้นกับหุ้น IPO น้องใหม่อย่าง SHR ล้วนเกิดจากยุทธวิธีตั้งราคาขายที่ค่อนข้างโอเวอร์เกินไปมาก ๆ (พี/อี 160 เท่า) ทั้งที่หุ้นในกลุ่มเดียวกันมีพี/อีไม่เกิน 10 เท่า ตลาดหุ้นเลยลงโทษด้วยการเทขายหุ้นไม่ไว้หน้า จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ 4.14 บาท ลบไป 1.06 บาท หรือลงไป 20.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.01 พันล้านบาท เดี๊ยนมองราคาหุ้นคงไม่หยุดลงเพียงเท่านี้แน่ ๆ เจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AWC ยังคงโดนรินหุ้นออกมาเรื่อย ๆ หลังจากหมดกรีนชูได้ไม่ทันไร “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของราคาหุ้นที่อยู่สูงเกินจริงไปมาก วานนี้ถึงทรุดตัวลงมาปิดที่ 5.35 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไปเกือบ 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท เดี๊ยนยังมองเป็นความเสี่ยงอยู่วันยังค่ำ เพราะเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์กับหุ้นตัวอื่นที่มี growth ก็กลายเป็นว่า หุ้นของ “เสี่ยเจริญ” กลายเป็นหุ้นที่ตกกระป๋องไปเลยนะคะ

*คล้ายกับกรณีของหุ้น TKN บรรดาแมงลือเม้าท์ถึงวีรเวร..อุ๊ย..วีรกรรม ของ “เสี่ยต๊อป” กันอย่างสนุกปาก ไล่เรียงตั้งแต่ดราม่าทุ่มเงินก้อนโตจ้างดารามาเซอร์ไพรส์วันเกิดเมีย ขายหุ้นบิ๊กล็อตก้อนโตเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง รวมทั้งข่าวเม้าท์วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่น ผิดกับผู้บริหารมืออาชีพในตลาดหุ้น จนกำไรงวดล่าสุดลดฮวบ และทำให้ 9 เดือนเหลือกำไรต่อหุ้นแค่ 0.18 บาท พร้อมกับคาดคะเนทั้งปีคงไม่เกิน 0.25 บาท และเมื่อเทียบกับ P/E 30 เท่า เป้าของหุ้นคงอยู่แค่ 7.50 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นปิดที่ 11 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท แพงป๊ะล่ะ!

*อีกรายที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากสุด ๆ คงหนีไม่พ้น BGC ถูกเทขายอย่างหนัก จนหุ้นไหลลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 12.60 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ 13.30 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 10.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 226 ล้านบาท ท่ามกลางความวิตกอย่างหนักว่า ผลงานในไตรมาสสุดท้ายจะถดถอยต่อเนื่องนั้น ถือเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องคิดให้ดีก่อนลุยสุดซอย เพราะน้องโมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่า เอาอะไรมาโตเหมือนกันเจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นอาหารที่เดินมาสวย ๆ อย่างเช่นหุ้น ZEN ยังไม่รอดสันดอนเลย “โมนิก้า” คงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ทุกคนมองกำไรจะออกมาดี แต่ความจริงกลับแสดงกำไรลดแบบนี้ เป็นใครก็ต้องขายทิ้งเพื่อเซฟตัวเองทั้งนั้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นไหลซึมลงมาปิดที่ 13.70 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20 ล้านบาท เหมือนสื่อให้เห็นว่า ไม่มีใครอยากเล่นเลยนะจ๊ะ

*ส่วนรายที่มีอาการหนักเกินจะบรรยาย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นดูดี DOD โดนเทขายอย่างหนักหน่วงหลังปลด SP จนราคาหุ้นไหลรูดลงมาแบบไม่มีลิมิต พร้อมกับทำราคาต่ำสุดของวันที่ระดับ 7.30 บาท ก่อนจะตีตื้นกลับขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 8.40 บาท ลบไป 1.05 บาท หรือลงไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75 ล้านบาทแบบนี้..เดี๊ยนคงให้ความสำคัญกับตัวเลขกำไรที่จะแสดงออกมาในอนาคตเป็นอันดับแรกแล้วหละ!..เข้าใจตรงกันนะคะ