พาราสาวะถี

ไม่รู้ต้องการสื่อถึงอะไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้โอวาทคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ อ้างรัฐบาลต้องการสนับสนุนและพัฒนาความเป็นเลิศด้านการกีฬา แต่ทุกคนก็รู้เวลานี้ประเทศกำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำเป็นต้องดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นด้านหลัก ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับคณะที่เข้าพบท่านผู้นำ เพราะเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญกลับมา ถูกกำหนดไว้แล้วตามความสำคัญของการแข่งขันในแต่ละระดับ


อรชุน

ไม่รู้ต้องการสื่อถึงอะไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้โอวาทคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ อ้างรัฐบาลต้องการสนับสนุนและพัฒนาความเป็นเลิศด้านการกีฬา แต่ทุกคนก็รู้เวลานี้ประเทศกำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำเป็นต้องดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นด้านหลัก ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับคณะที่เข้าพบท่านผู้นำ เพราะเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญกลับมา ถูกกำหนดไว้แล้วตามความสำคัญของการแข่งขันในแต่ละระดับ

ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ เอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิกเกมส์ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท.จะต้องมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นรางวัลสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ รวมไปถึงนักกีฬาคนพิการด้วย ดังนั้น จึงไม่ไปรบกวนงบประมาณที่ท่านผู้นำคงเป็นกังวลว่าจะไปเทให้บรรดาสารพัดประชานิยมที่กำลังสนุกสนานกับยอดตัวเลขการแห่แหนไปลงทะเบียนกันอยู่เวลานี้ ไม่ว่าจะชิมช้อปใช้หรือร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย

ความจริง ยังมีนักกีฬาที่เป็นมืออาชีพซึ่งไม่ได้รับเงินสนับสนุนตรงนั้นจากกกท. คนเหล่านั้นต้องอาศัยการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ภาคเอกชนและเงินรางวัลที่ได้รับสำหรับรายที่ไร้ผู้สนับสนุน ตรงนี้มากกว่าที่ผู้นำประเทศหากมองเห็นประโยชน์ของนักกีฬาผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศที่จะต้องให้ความสำคัญ เพราะเวลาที่เขาไปคว้าชัยชนะกลับมา ไม่ว่าประเภทไหน ก็จะมีพวกที่เสนอหน้ากันสลอน ยกยอปอปั้น สร้างภาพผ่านสื่อ โดยที่ไม่ได้มองไปเลยว่าแต่ละคนกว่าจะประสบความสำเร็จได้ต้องควักกระเป๋ากันไปเท่าไหร่

จะว่าไปแล้วเรื่องของการกีฬากับเม็ดเงินสนับสนุน รัฐบาลอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณของภาครัฐเสียด้วยซ้ำไป หากรู้จักแยกแยะ จัดหมวดหมู่ วางลำดับความสำคัญแล้วก็ประสานขอความช่วยเหลือจากภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนนักกีฬาเหล่านั้น แค่นี้ก็สร้างกำลังใจให้กับตัวแทนของประเทศได้มากโขอยู่แล้ว ไม่ต้องไปอ้างเรื่องผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ งบประมาณมีจำกัดจำเขี่ยให้คนที่เขาจะไปสร้างชื่อให้กับประเทศต้องเสียกำลังใจเปล่า ปลี้ ๆ

แต่ก็ดีอย่างกับการให้โอวาทนักกีฬารอบนี้ ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจบอกว่า อย่าเล่นกีฬาด้วยความโกรธ เพราะท่านผู้นำมีประสบการณ์ตรงยอมรับหน้าชื่นตาบานว่า เวลาที่ตัวเองโมโหคน การทำงานจะด้อยไปในทันที สมองเสียไปและต้องใช้เวลาปรับจูนอีกหลายชั่วโมง นี่ไงคำพระที่ว่าโกรธคือโง่โมโหคือบ้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกทั้งโกรธและโมโหง่ายนั้น จะจัดเป็นคนประเภทไหน แต่ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด โดยเฉพาะคนที่ต้องรับบทบาทในการเป็นผู้นำต้องลดทิฐิต่าง ๆ ลงให้ได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับตำแหน่งผู้นำจากการเลือกตั้งสมใจขบวนการสืบทอดอำนาจ เราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของท่านผู้นำในแง่ของวุฒิภาวะทางด้านอารมณ์ มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น แต่คงต้องดูกันยาว ๆ เพราะนี่ยังไม่ผ่านขวบปีแรกของการบริหารประเทศหลังการเลือกตั้ง ยังมีประเด็นที่จะต้องเผชิญทั้งในแง่ผลงานส่วนตัว และเรื่องปวดหัวที่จะเกิดจากบริวารมาให้เจออยู่เนือง ๆ ยิ่งอยู่ยาวยิ่งไม่ต้องห่วงจะเจอทั้งปัญหาจากพวกปากมันและความเบื่อหน่ายของคน ยิ่งถ้าไร้ผลงานยิ่งได้จะรับรู้ได้เร็ว

ประเดิมร่วมประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบการการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือกรรมาธิการป.ป.ช.ของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว สำหรับ 2 ตัวแทนของพรรคสืบทอดอำนาจคือ สิระ เจนจาคะ กับ ปารีณา ไกรคุปต์ โดยรายหลังได้แสดงความเป็นส.ส.หลายสมัยด้วยการทักท้วงและขู่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการว่า ระวังจะติดคุกกับการยืนยันที่จะให้พลเอกประยุทธ์และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มาชี้แจงด้วยตัวเองให้ได้

งานนี้คนชื่อเสรีพิศุทธ์ไม่มีหวั่นอยู่แล้ว พร้อมสวนกลับส.ส.หลายสมัยให้รู้จักมารยาทในการประชุมด้วย สรุปแล้วการที่บิ๊กป้อมส่งตัวแทนคือ พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ประสาน หวังรัตนปรานี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำพลเอกประวิตรมาชี้แจงแทน พร้อมเอกสารชี้แจงนั้น ประธานกรรมาธิการป.ป.ช.ยืนยัน ความจริงไม่มีเหตุผลที่จะต้องรับฟังอะไรจากคนที่มาแทน เพราะไม่ใช่บุคคลที่คณะกรรมาธิการเชิญ

พร้อมย้ำเรื่องอำนาจของคณะกรรมาธิการว่ามีอยู่ตามกฎหมาย หากคณะกรรมาธิการไม่มีอำนาจสภาก็คงไม่เปิดให้ครม.เข้ามาชี้แจงได้ ก่อนที่จะฝากบอกตัวแทนทั้งสองว่าให้กลับไปบอกลูกพี่ทั้งคู่ด้วยว่าคนชื่อเสรีพิศุทธ์มีความเห็นอย่างไร ทั้งหมดคงต้องรอดูกระบวนการไปยื่นร้องของลิ่วล้อในพรรคสืบทอดอำนาจผ่านองค์กรอย่างผู้ตรวจการแผ่นดิน ปลายทางจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ สุดท้ายคณะกรรมาธิการของสภาที่ไม่เฉพาะชุดของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์จะหมดสิทธิ์ใช้อำนาจหรือผู้มีอำนาจที่ถูกเชิญต้องมาพบกรรมาธิการ

โอ๊ะโอ๋ ไม่ต้องถามว่าท่วงทำนองของปารีณานั้นถอดแบบใครมา กับการปรากฏตัวของ ทวี ไกรคุปต์ ผู้เป็นพ่อที่รัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อการันตีความบริสุทธิ์ของลูกสาวเรื่องการรุกที่ป่ากว่า 1,700 ไร่และไม่ได้เป็นเกษตรกรที่แท้จริง ไม่เพียงแต่จะยืนยันความถูกต้องให้ลูกสาวและย้ำคุณสมบัติเรื่องความเป็นเกษตรกรเท่านั้น แต่อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมรายนี้ยังพาดพิงไปถึง ทักษิณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ปารีณาต้องถูกสังคมกังขาและประณามอยู่เวลานี้

ไม่รู้ว่าพ่อลูกเขาสอนกันมาอย่างไรในวิถีการเมือง ความจริงเจ้าตัวและลูกสาวน่าจะรู้ตัวดีที่ย้ายพรรคนั้นเพราะสาเหตุใด คงไม่ต้องสาธยายกันให้เมื่อยตุ้ม เอาแค่ให้เวลาและให้กำลังใจส.ส.หญิงปากกล้ารายนี้ไปชี้แจงเรื่องที่ตัวเองรับสารภาพอย่างมั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายให้ได้ก็แล้วกัน และประชาชนก็จะรอพิสูจน์ว่ากระบวนการตรวจสอบและชี้แจงของหน่วยงานภาครัฐต่อเรื่องนี้ จะตรงไปตรงมาน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

Back to top button