พาราสาวะถี
วันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนท่ามกลางวงล้อมของบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่คนสำคัญ เป็นการอ่านคำแถลงปิดคดีความเป็นส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่จากกรณีการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีดังกล่าวในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เนื้อหาสาระมีการอธิบายเป็นหัวข้อ 4 ประเด็น ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งสิ้น
อรชุน
วันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนท่ามกลางวงล้อมของบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่คนสำคัญ เป็นการอ่านคำแถลงปิดคดีความเป็นส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่จากกรณีการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีดังกล่าวในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เนื้อหาสาระมีการอธิบายเป็นหัวข้อ 4 ประเด็น ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจทั้งสิ้น
อันประกอบไปด้วย การอธิบายว่าบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เป็นสื่อหรือไม่ ตามมาด้วยการชี้แจงว่าธนาธรยังถือหุ้นดังกล่าวหรือไม่และการโอนหุ้นไปเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 นั้นถือว่าสำเร็จแล้วหรือไม่ พร้อม ๆ กับการตั้งคำถามว่าการถือหุ้นดังกล่าวผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ สุดท้ายคือถามถึงกระบวนการพิจารณาคดีเป็นธรรมหรือไม่ โดยชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนการพิจารณาของกกต.ก่อนที่จะส่งเรื่องมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
แน่นอนว่า ก่อนหน้านั้น สังคมก็เกิดข้อกังขาและคนที่ถูกกล่าวหายิ่งงงเป็นไก่ตาแตกถึงความรีบร้อนในการทำงานของกกต. กล่าวคือ คณะกรรมการสืบสวนของกกต. กำลังดำเนินการและเรียกพยานในคดีของธนาธรวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 แต่ปรากฏว่ากกต.ชุดใหญ่ได้ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการสอบสวนยังพิจารณาไม่เสร็จสิ้น โดยธนาธรระบุว่า กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลชั้นเดียว แค่เรื่องนี้ก็มีน้ำหนักพอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องแล้ว
แต่สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้สำหรับการแถลงครั้งนี้ของธนาธร คงเป็นการตั้งปุจฉาเชิงประชดประชัน เมื่อมีการโยนคำถามว่า จากทั้ง 4 ข้อถ้าถามว่าตนผิดอะไร คำตอบคือมันไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อแต่ความผิดของตนคือ การต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. เพราะตนฝันเห็นว่าทุกคนเท่าเทียมกันมีนิติรัฐนิติธรรม เราฝันเห็นประเทศไทยที่มีความก้าวหน้า และประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหาร “ความฝันเช่นนี้มันเป็นผิดบาปมากนักเหรอครับในประเทศนี้”
เพื่อให้ได้ความฝันนั้นจึงตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อมาต่อสู้เรียกร้องความฝันตามระบบ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตามกฎหมาย ฝันอะไรก็บอกประชาชนอย่างนั้น เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้งและผลการเลือกตั้งออกมา ก็ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สู้ในสภาอย่างภาคภูมิใจ เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจของพรรคในการต่อสู้ในสภา อนาคตใหม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็รณรงค์อย่างสันติ การตั้งพรรคการเมืองเพื่อสร้างความฝันของเราให้เป็นจริง “มันเป็นความผิดบาปมากขนาดนั้นเลยเหรอในประเทศนี้”
การตอกย้ำประเด็นผิดบาปถึงสองครั้งสองหนของธนาธรนั้น เหมือนจะเป็นการส่งสัญญาณยอมรับกลาย ๆ ว่า คดีนี้ตัวเองไม่น่าจะรอด แม้จะเชื่อมั่นกันในมิติของข้อกฎหมายที่ได้อธิบายไป จากการชี้แจงว่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับและไม่มีแผนสำรองใด ๆ การลงเล่นการเมืองของตนถือว่าไม่มีจุดที่จะกลับตัวแล้ว ที่ผ่านมายอมเล่นตามกติกามาโดยตลอดทั้งรณรงค์หาเสียงและการเลือกตั้ง หากจะแพ้ก็ขอแพ้ตามกติกา
การบอกว่าการเดินบนถนนสายการเมืองของตัวเองไม่มีจุดกลับตัวแล้วนั้น น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่สื่อนั้นบ่งบอกถึงอะไร เบื้องต้นคือถ้าโดนคนเดียวพ้นสภาพความเป็นส.ส.ก็ยังจะคงสนับสนุนและอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ต่อไปในบริบทที่แตกต่างออกไป แล้วถ้าหากพรรคถูกยุบกระบวนการเคลื่อนงานการเมืองของธนาธรและพลพรรคที่เหลืออยู่จะเดินกันอย่างไร ตรงนี้แหละที่เป็นเรื่องน่าจับตา อย่าลืมว่าเป้าหมายของฝ่ายทำลายล้างคือ ทำให้พังแล้วกวาดต้อนส.ส.หน้าใหม่ที่แพแตกเข้าคอกให้ได้มากที่สุด
วันนี้จากสิ่งที่เป็นไป พอจะเห็นได้ว่ามีจำนวนหนึ่งที่แสดงความอึดอัดกับการอยู่กับพรรคการเมืองนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะลาออกจากพรรคก็เท่ากับพ้นสภาพความเป็นส.ส.ตามไปด้วย รอให้พรรคขับออกก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้น หากเกิดการยุบพรรคจริงคนเหล่านี้ก็มีที่หมายอันชัดเจนแล้วว่าจะไปอยู่กับพวกไหน ฝ่ายใด นั่นเป็นส่วนน้อย แล้วคนส่วนใหญ่หากยังมีอุดมการณ์เดียวกันจะเดินไปทางไหนต่อ ต้องรอดูว่าบางพรรคการเมืองที่ถูกพูดถึงก่อนหน้านี้คือพรรคที่เกิดมาเพื่อรองรับอุบัติเหตุทางการเมืองนี้หรือไม่
บอกไว้ตั้งแต่หลังเลือกตั้งหมาด ๆ ผลที่เหนือความคาดหมายจะทำให้พรรคอนาคตไกลพรรคนี้เดินต่อได้ลำบาก ยิ่งประกาศเปิดหน้าสู้ยิ่งมีโอกาสถูกกระทำได้อย่างง่ายดาย การเมืองไทยนั้นสามานย์ขนาดไหน ห้วงแห่งความขัดแย้งที่ผ่านมา เป็นตัวบ่งบอกได้อย่างชัดเจน ประเภทที่หวังจะเอากติกา ระบบ ระเบียบต่าง ๆ เป็นที่ยึดนั้นเป็นไปได้ยาก ต้องไปถามคนในพรรคที่เคยถูกยุบเป็นว่าเล่นว่าเป็นอย่างไร ทั้งคนทั้งพรรคโดนกันมาอ่วมอรทัย
อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นกิจกรรมอยู่ไม่เป็นที่อนาคตใหม่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็พอจะทำให้มองอนาคตต่อไปหากพรรคถูกยุบได้ว่า คนเหล่านี้จะเดินกันบนถนนสายการเมืองอย่างไร โดยธนาธรถึงกับประกาศว่า ตัวเองทิ้งความสุขสบายจากที่ก่อนหน้านั้นชีวิตสะดวกสบาย จัดสรรเวลาที่จะให้ครอบครัว เพื่อนฝูงและงานอดิเรก แต่วันที่เลือกมาทางนี้มีแต่คนถากถาง บอกว่าการเมืองมันสกปรก แต่ตนเชื่อว่าถ้าเราจริงใจ หนักแน่นพอจะเปลี่ยนแปลงโลกได้
นั่นหมายความว่า สิ่งที่ธนาธรประกาศไปแล้ว ไม่ว่าบทสรุปส่วนตัวในเรื่องคุณสมบัติจะเป็นอย่างไร พรรคจะถูกยุบหรือไม่ เชื่อว่าเส้นทางบนถนนสายการเมืองก็น่าจะยังคงเดินกันต่อ เพียงแต่อาจต้องเปลี่ยนบริบท และจะถือเป็นบทพิสูจน์หัวจิตหัวใจของคนที่มาร่วมบนเส้นทางเดินอยู่ไม่เป็นด้วยว่า มาด้วยอุดมการณ์ เพื่อความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวกันแน่
ส่วนทางด้านพรรคสืบทอดอำนาจก็ยังคงท่องคาถาอยู่เย็นเป็นสุข แล้วโยนการปลุกกระแสความขัดแย้ง สร้างม็อบไปให้อยู่ในมือฝ่ายตรงข้าม พร้อม ๆ กับแนวร่วมกองเชียร์เผด็จการที่กล่าวหาฝ่ายเห็นต่างเป็นพวกรุนแรง ก้าวร้าว ชังชาติ จนกระทั่งอนาคตใหม่ต้องผุดวลีเด็ดแสลงหูแสลงตาและแสลงใจกองหนุนเผด็จการว่า “อยู่ไม่เป็น” ติดตามกันต่อว่าเส้นทางเดินของคนที่ถูกยัดเยียดนั้นจะก้าวกันอย่างไรต่อไป