อ่อนแรง..ไม่อ่อนใจ
*ดูเหมือนยุทธวิธี “ลงซื้อ ขึ้นขาย” จะกลายเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วสำหรับการเข้าลงทุนในช่วงตลาดหุ้นไทยผันผวน ผสมกับแนวความคิด “เล็กสั้น ขยันซอย” ดัชนีถึงขยับขึ้นไปไหนไม่ได้สักที พร้อมกันนั้นต้องไม่ลืมว่า อิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศยังเป็นตัวแปรที่ชี้ว่า วันนี้หุ้นจะ “ขึ้น” หรือ “ลง” จึงต้องเกาะติดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ นะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนยุทธวิธี “ลงซื้อ ขึ้นขาย” จะกลายเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วสำหรับการเข้าลงทุนในช่วงตลาดหุ้นไทยผันผวน ผสมกับแนวความคิด “เล็กสั้น ขยันซอย” ดัชนีถึงขยับขึ้นไปไหนไม่ได้สักที พร้อมกันนั้นต้องไม่ลืมว่า อิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศยังเป็นตัวแปรที่ชี้ว่า วันนี้หุ้นจะ “ขึ้น” หรือ “ลง” จึงต้องเกาะติดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ นะจะบอกให้
*เนื่องจาก “แรงซื้อ แรงขาย” ของนักลงทุนสถาบันแต่ละกลุ่มมีผลต่อการขยับขึ้นลงของดัชนี “โมนิก้า” ถึงเพ่งเล็งท่าทีของกองทุนตัวจี๊ด และ ฝรั่งตาน้ำข้าว มากเป็นพิเศษ เพราะผู้เล่นทั้ง 2 กลุ่มสลับกันซื้อขายกันอย่างสนุกสนาน และเท่าที่สังเกตพฤติกรรมที่ผ่านมาก็พบว่า พวกนี้เน้นเอากำไรแค่ 3-5% แล้วโกยอ้าวทันที จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อจะได้รับมือกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนะคะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาก่อนจะมาปิดที่ระดับ 1,607.25 จุด ลบไป 0.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.84 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอาการที่กระท่อนกระแท่นไปหน่อย และเมื่อดูจากตำราที่เล่าเรียนมาพบว่า การไล่ราคาหุ้นแบบไม่มีวอลุ่ม มักไปได้ไม่กี่น้ำ จึงสนับสนุนความคิดที่ว่า ดัชนีจะไปได้ไม่ไกล พร้อมกับทำให้แนวต้าน 1,650 จุดยังเป็นบริเวณขายทำกำไรต่อไปเหมือนเดิมเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ KBANK จู่ ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 149 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของการเกาะกระแสมากกว่าประเด็นอื่น ๆ เพราะที่ผ่านมาเห็นกันอย่างโจ่งแจ้งว่า ทุกอย่างไม่สวยหรูเหมือนที่จินตนาการไว้เลยสักอย่าง วันนี้ถึงตีความได้แค่ สัญญาณเทคนิคหนุน วอลุ่มซัพพอร์ต จึงมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรกันอีกยก ส่วนจะไปเกิน 152 บาทไหม..วันนี้รู้ผลนะคะ
*ไหน ๆ เม้าท์ถึงหุ้นผีบอกขึ้นมาทั้งที (ขึ้นแรงไม่มีเหตุผล) “โมนิก้า” ขอมองไปถึง AWC เพื่อช่วยกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนของใครบางคนดีกว่า ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.05 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 580 ล้านบาท เดี๊ยนถึงอยากให้เหล่านักลุยมองถึงประเด็นความเสี่ยงกันนิดหนึ่ง! เพราะวันนี้ไม่เห็นมีใครกล้าออกหน้าเชียร์สักเท่าไหร่ ? จึงไม่รู้เหตุผลของการขึ้นว่ามาจากอะไรนะจะบอกให้
*เหมือนกับในรายของพ่อดอกมะลิ JAS กำลังเป็นที่โจษจันในหมู่นักเล่นเท้าไฟ ล้วนมาจากเจ้ามือเลิกกลางคันเอาดื้อ ๆ บรรดามิตรรักแฟนเพลงเลยติดดอยกันอย่างถ้วนหน้า พร้อมกับเม้าท์ถึงเรื่องสัพเพเหระตั้งแต่สมัยละโว้ เพื่อเอามาอธิบายสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นต่ำเรียดดินแบบนี้ เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้เหล่านักเล่นมีอารมณ์มากขึ้นไปอีก..คิดดูแล้วกัน ก่อนหน้านี้หุ้นอยู่ที่ 6.50 บาท แต่วานนี้พยายามสุดชีวิตทำได้แค่ยืนปิดเสมอตัวที่ 4.86 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 234 ล้านบาท อารมณ์มันก็น่าขึ้นจริง ๆ เจ้าค่ะ
*ผิดกับในรายของ TASCO เพราะหุ้นตัวนี้มีผลประกอบการเป็นแบ็กอัพ จึงเห็นการยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา บวกกับมีเปอร์เซ็นต์การจ่ายเงินปันผลเป็นของแถมปลายนวม “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่นักเล่นกระโจนเข้ามาไล่ราคาหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 22.90 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.60% เทียบกับ P/E ที่ระดับ 13.30 เท่า น่าเล่นไหมล่ะคะ
*ส่วนในรายของ TFG เริ่มมีข่าวดีให้แฟนคลับได้ชื่นใจบ้างเล็กน้อย แต่ราคาหุ้นเพิ่งเริ่มตอบสนองกับเรื่องดังกล่าวไม่มากสักเท่าไหร่ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคิดนิดหนึ่งว่า อาการแบบนี้เขาเรียกแรงซื้อยังมาไม่เต็มแม็กเหมือนที่ควรจะเป็นใช่ไหม ? หากเป็นเช่นนั้น..วันนี้ไม่น่าจะรอด ถ้าเกิดไปต่อได้แบบชิว ๆ แสดงว่า ราคาปิดที่ 4.38 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75 ล้านบาทยังเล่นต่อใช่ไหม ?..ลองคิดกันดูนะคะ
*สำหรับที่แรงแบบไม่ให้รู้ตัว มาเห็นอีกทีก็สายเกินไปเสียแล้ว “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง SPA ก่อนใครเพื่อน แถมก่อนหน้านี้ขยับขึ้นวันละนิดวันละหน่อย และเพิ่งมาจี๊ดจ๊าดเอาเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา และล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 16 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 73 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high อย่างเป็นทางการในรอบ 1 ปี 2 เดือน ตามสูตรสำเร็จเขาเรียกจังหวะนี้ว่า “ตามน้ำ” เพราะมีโอกาสทำ new high อีกพะยะค่ะ