1 เดือน หลุด 1,600 จุด 2 ครั้ง

*ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า ความน่าสะพรึงกลัวของตลาดหุ้นไทยในเที่ยวนี้ไม่ได้อยู่ที่ผลงานของบริษัทจดทะเบียนออกมาไม่ดี แต่อยู่ที่ดัชนีไม่ตอบรับกับข่าวสารด้านลบที่มีออกมา จนดูเหมือนตลาดหุ้นไทยกำลังพยายามฝืนธรรมชาติอย่างไร้เหตุผล และเป็นตัวแปรที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะ W-Shape เป็นเวลาหลายเดือน เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากสุดในห้วงเวลานี้นะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า ความน่าสะพรึงกลัวของตลาดหุ้นไทยในเที่ยวนี้ไม่ได้อยู่ที่ผลงานของบริษัทจดทะเบียนออกมาไม่ดี แต่อยู่ที่ดัชนีไม่ตอบรับกับข่าวสารด้านลบที่มีออกมา จนดูเหมือนตลาดหุ้นไทยกำลังพยายามฝืนธรรมชาติอย่างไร้เหตุผล และเป็นตัวแปรที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะ W-Shape เป็นเวลาหลายเดือน เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากสุดในห้วงเวลานี้นะจะบอกให้

*เนื่องจากดัชนีแกว่งตัวขึ้นลงถี่มากเหลือเกิน จนนักเล่นบางคนเข้าเล่นหุ้นผิดจังหวะ จนต้องจำใจตัดขายหุ้นทิ้งเพื่อไม่ให้เสียหายหนักกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็กลายเป็นการเปิดช่องให้นักเล่นบางกลุ่มช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ตอย่างสบายใจเฉิบ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นจับอาการของดัชนีที่ทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,596.83 จุด ลบไป 10.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.77 หมื่นล้านบาทมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ?

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยปากเช่นนั้นมาจากพฤติกรรมของนักเล่นไม่ค่อยเต็มใจซื้อหุ้น ผนวกกับในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา 1,600 จุดลงมาอย่างง่ายดายเป็นครั้งที่ 2 เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดให้เห็นความเปราะบางของตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า สถานการณ์วันนี้คงไม่มีอะไรแตกต่างจากวันก่อนที่มีการ “ลากหุ้น ทุบหุ้น” จนกลายเป็นเรื่องปกติพะยะค่ะ

*คล้ายกับกรณีของ TRUE ดิ่งลงต่อเนื่อง 4 วันติด จนแมงเม่าอ้าปากค้างกันเป็นแถวนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่มีมุมให้คิดหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในมุมของการลงทุนเพิ่ม และมุมของตัวเลขขาดทุนเพิ่ม ล้วนเป็นตัวแปรที่ส่งผลให้นักเล่นดั๊มพ์หุ้นอย่างไม่คิดชีวิต จนวานนี้เห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 4.16 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.26 พันล้านบาท ชนิดไร้เรี่ยวแรงตอบโต้แบบนี้..อยู่เฉย ๆ ดีกว่ามั้ง!

*เช่นเดียวกับในรายของ CPALL ราคาหุ้นไหลรูดลงมาเรื่อย ๆ จนทิศทางของหุ้นอยู่ในทิศทางขาลง พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 75.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.09 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตของการถอยฉากแบบเต็มตัว เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า กองไม่เล่น..อยู่ทำไม ? และทำให้หุ้นมีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูงนะจ๊ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องกองทุนไม่เล่นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมาดูหุ้น WHA ภายใต้การบริหารจัดการของ “เจ๊จูน” สักนิดหนึ่งว่า ข่าวดีมีออกมาไม่ขาดสาย แต่ราคาหุ้นกลับโดนเทเสียอย่างนั้น จนทิศทางของหุ้นเสียหายยับเยินแบบนี้ น่าจะไปรอรับด้านล่างดีกว่ามั้ง! เพราะการลงมายืนปิดที่ระดับ 4.44 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 632 ล้านบาท มันเป็นการหลุดแนวรับหมดทุกแนวแล้วน่ะซี

*อุทาหรณ์เรื่องนี้ยังดูได้จากหุ้น WORK ไหลรูดลงแบบไม่มีลิมิต จนมองไม่เห็นหนทางที่หุ้นจะหยุดลงตรงไหน ? ก็มาจากผลงานไม่ประทับใจจอร์จเป็นหลัก ผสานกับพวกขาใหญ่ไม่มีใครมาเหลียวมอง ราคาหุ้นถึงได้ทรุดโทรมอย่างหนัก พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 7 ปี 8 เดือน เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” ไม่มีความจำเป็นต้องเหลียวมองหุ้นลงมากองที่ 14.10 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาทเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ AWC ภายใต้การกุมบังเหียน “เสี่ยเจริญ” ก็เป็นอีกหนึ่งช็อตของการปิดเกมอย่างเป็นทางการ หลังจากเสี่ยได้หุ้นจากกรีนชูครบตามจำนวน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกว้านซื้อหุ้นอีกต่อไป และประเด็นดังกล่าวก็เริ่มรับรู้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้พวกนกรู้เทขายหุ้นกันอุตลุด จนล่าสุดลงมากองอยู่ที่ 5.90 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 304 ล้านบาทไงล่ะคะ

*ในเมื่อความขมุกขมัวของเรื่องต่าง ๆ มีเยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” ถึงให้ความสำคัญกับหุ้นแบงก์สีเขียว KBANK มากกว่าใครเพื่อน เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีกำลังกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เอ็นพีแอลปูดไม่หยุด ซึ่งทำให้มีแรงขายออกมาเป็นระยะ จนราคาหุ้นขยับขึ้นไม่ได้สักที วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดลงมาปิดที่ 147 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาทนะจ๊ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องหนี้สินขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้นน้องใหม่ BAM ที่กำลังจะเข้าตลาดหุ้นในไม่ช้านั้น! เขาว่ากันว่า ไม่ใช่ของจริง! แถมเมื่อเทียบกับบริษัทตามเก็บหนี้ที่มีอยู่ในตลาดหุ้นด้วยแล้ว แมงลือยิ่งเม้าท์กันให้แซ่ดว่า เมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ไม่มีทางสู้ได้อีกเช่นกัน (จริงไหม ?) เดี๊ยนเลยอยากให้นักเล่นลองศึกษาข้อมูลตรงนี้ไว้หน่อย เพราะหุ้น IPO ที่เข้าตลาดหุ้นในช่วงหลัง ๆ ยืนระยะไม่ยาวน่ะซี

Back to top button