DRT กำไรแข็งแกร่ง!

แนวโน้มผลประกอบการของ DRT โดยเฉพาะในไตรมาส 4/62 เชื่อว่าจะทำกำไรสุทธิจะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีวันหยุดมากในเดือนธันวาคมก็ตาม


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า แนวโน้ม บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ  DRT ยังไปได้ดี! เชื่อว่าผลประกอบการยังเติบโต โดยเฉพาะคาดในไตรมาส 4/2562 ยังจะทำกำไรสุทธิจะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีวันหยุดมากในเดือนธันวาคมก็ตาม

เนื่องด้วยบริษัทมีการเร่งทำยอดขายในต่างประเทศให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กำไรสุทธิทั้งปี 2562 เชื่อยังเติบโตก้าวกระโดด โดยประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 37% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2562 บริษัทมีกำไรจากการขายที่ดินหลังภาษี 46 ล้านบาท และในไตรมาส 2/2562 มีการตั้งสำรอง Employee benefit 29 ล้านบาท

ทางด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,117.18 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 997.83 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 130.16 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนก่อน 79.64 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3,767.20 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,320.68 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 474.14 ล้านบาท หรือ 0.50 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 335.21 ล้านบาท หรือ 0.35 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการขยายตัวของช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รักษาอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรสำหรับตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนก็พบว่า ฐานะทางการเงินยังดูดีมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 1,455.10 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 965.20 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.50 เท่า แสดงว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทค่อนข้างดีพอสมควร

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมเพียง 1,125.18 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 2,195.91 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.51 เท่า แสดงว่าบริษัทไม่มีปัญหาหนี้สินมารบกวนการดำเนินงานในอนาคต

นอกจากนี้ทางนักวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะเติบโตในอัตราที่ไม่มากเพราะฐานกำไรปี 2562 สูง แต่จะไปขยายตัวได้ดีขึ้นในปี 2564 หลังกำลังการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์เข้ามาอีก 5.5 หมื่นล้านตร.ม.ในสิ้นปี 2563 (+10% จากกำลังการผลิตเดิม) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้น ก.ย. 2562 มีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำเพียง 0.2 เท่า และจ่ายปันผลดี คาดการณ์ Dividend Yield ปี 2562-2563 เท่ากับ 6.6% ต่อปี ซึ่งมีการจ่ายปีละ 2 ครั้ง

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 7.10 บาท เทียบเท่ากับ P/E ปี 2563 ที่ 11.5 เท่า

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท มายเรียด วัสดุ จำกัด 557,847,900 หุ้น 58.85%
  2. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 23,947,600 หุ้น 2.53%
  3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 18,726,376 หุ้น 1.98%
  4. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 15,690,400 หุ้น 1.66%
  5. นายประกิต ประทีปะเสน 12,119,500 หุ้น 1.28%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ
  2. นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
  3. นายอัศนี ชันทอง กรรมการ
  4. นายชัยยุทธ ศรีวิกรม์ กรรมการ
  5. นายไมตรี ถาวรอธิวาสน์ กรรมการ

Back to top button