สองนคราอนาคตใหม่
รู้สึกขำ ๆ ทุกครั้งที่มีคนบอกว่า พรรคอนาคตใหม่ถูกจ้องทำลายเพราะเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอารัฐประหาร เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
รู้สึกขำ ๆ ทุกครั้งที่มีคนบอกว่า พรรคอนาคตใหม่ถูกจ้องทำลายเพราะเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอารัฐประหาร เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
แน่ละ ด้านหนึ่งก็เป็นความจริง แต่ถ้ามองอีกด้าน ลองย้อนเวลากลับไปตอนคนชั้นกลางในเมืองไล่ทักษิณ ก่อนจะถูกผลักดันด้วยอุดมการณ์สุดโต่งจนกลายเป็น “สลิ่ม” คนชั้นกลางในเมืองเกลียดทักษิณเพราะอะไร
เพราะมองว่าทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อน มองว่าทักษิณเอาแต่พวกพ้อง กวาดต้อนนักการเมืองขี้โกง ซื้อเสียง เจ้าพ่ออิทธิพลท้องถิ่น มาเป็นสมุนบริวาร สร้างฐานอำนาจ ผูกขาดประเทศไทย หาเสียงโดยใช้ประชานิยม หว่านงบประมาณแผ่นดินเอาใจคนจนคนชนบท บางส่วนโดยเฉพาะ NGO ยังมองว่าแม้วอำนาจนิยม เอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุน ทำให้คนรวยยิ่งรวยขึ้นไป
คนชั้นกลางในเมืองยุคสองนคราประชาธิปไตยอยากเห็นการเมืองเป็นแบบไหน แน่ละ ก็อยากเห็นพรรคการเมืองใสสะอาด ไม่ซื้อเสียง อยากเห็นพรรคที่อุดมด้วย ส.ส.มีความรู้ความสามารถ มีความคิด มีฝีปาก ชนะใจประชาชนด้วยคะแนนนิยม เป็นคนธรรมดาหรืออย่างมากก็อดีตข้าราชการ ไม่ใช่พ่อค้าผู้มีอิทธิพลผู้รับเหมา ผู้กว้างขวางประจำจังหวัด ที่เข้าสู่การเมืองด้วยระบบอุปถัมภ์
คนชั้นกลางจึงหลงเลือกพรรคแมลงดัดจริตมาเนิ่นนาน ทั้งที่รู้ไส้เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ปลัดประเทศ ดีแต่พูด และเน่าไม่ต่างจากพรรคอื่น ทั้งที่อ้างว่าไม่ต้องลงทุนซื้อเสียง
ถ้าย้อนมองอย่างนี้ จะเห็นเป็นตลกร้ายหัวร่อก๊าก ๆ ด้วยซ้ำไป เพราะพรรคอนาคตใหม่นี่เองคือพรรคที่คนชั้นกลางในเมืองอยากได้ พรรคอนาคตใหม่นี่เองที่ได้คะแนนจากคนชั้นกลางในเมือง ที่หนึ่งในกรุงเทพฯ ในหัวเมืองใหญ่ เมืองมหาวิทยาลัย โค่นผู้กว้างขวางจากระบบอุปถัมภ์ในหลายพื้นที่
แต่ตอนนี้คนส่วนหนึ่งกลับจ้องทำลาย รุมกระหน่ำ เป็นความชั่วร้ายยิ่งกว่าทักษิณ เอาไว้ไม่ได้ ทั้งที่ยังไม่ได้บริหารประเทศไม่ได้มีอำนาจจับต้องผลประโยชน์อะไรเลย
ในทางตรงข้าม สิ่งที่เคยด่าทักษิณกลับไหลไปรวมกันหมด ทุนนิยมประชารัฐ ประชานิยมแจกไม่อั้น (แย่กว่า ด้อยฝีมือกว่าแก้เศรษฐกิจไม่รอด) นักการเมืองกเฬวราก เจ้าพ่ออิทธิพล ตระกูลประจำจังหวัด ฯลฯ ต่างกันแต่ตัวผู้นำ ที่คนชั้นกลางเชื่อว่าดีกว่าทักษิณ ทั้งที่มาจากรัฐประหาร จากกติกาเอาเปรียบ ตั้ง 244 ส.ว. 6 ผบ.เหล่าทัพ มาโหวตให้ตัวเอง ตั้งองค์กรอิสระมาไล่เอาผิดฝ่ายตรงข้าม
การได้อำนาจด้วยกติกาเอาเปรียบ มีเครือข่ายปืนและกฎหมายหนุนหลัง ทำให้ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกประชาชน ยืมนาฬิกาเพื่อน ไม่เป็นไร ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ ประชาชนได้เห็นได้ยินเต็มสองหู ไม่เป็นไร รัฐมนตรีเคยติดคุกต่างประเทศ ต้องสงสัย ดร.ปลอม ก็เฉยเสีย ปล่อยให้เรื่องเงียบหาย ส.ส.รุกที่พันเจ็ดร้อยไร่ ถ้าเป็นคนจนติดคุกไปแล้ว นี่ยังไม่มีใครทำอะไร สื่อใหญ่ที่ผู้บริหารเป็นผัว ส.ส.ให้ร้ายป้ายสีฝ่ายค้าน ไม่ถือว่าการเมืองครอบงำ แต่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถูกชี้ว่าถือหุ้นนิตยสารแฟชั่น ไม่ได้เป็น ส.ส.
ก็ถูกต้องตามกฎหมายนะ เถียงไม่ได้ แต่ความย้อนแย้งรู้อยู่แก่ใจ
มันน่าหัวร่อถ้าจินตนาการว่า คนชั้นกลางในเมืองที่ไปไล่ทักษิณเมื่อปี 49 หกล้มหัวฟาดนิทรา 13 ปี ตื่นขึ้นมาตอนนี้จะรู้สึกอย่างไร จากที่เกลียดทักษิณชั่วร้ายอยากเห็นการเมืองใหม่ วันนี้เปลี่ยนไปหมด ต้องกลับมาเชียร์การเมืองเน่าที่เข้าไปอยู่กับรัฐประหาร แล้วทำลายการเมืองใหม่เพียงเพราะไม่ใช่พวกตัว ชี้หน้าคนที่เกลียดชังความเน่าเฟะไร้หลักการว่าชังชาติ
นี่คือสังคมย้อนแย้งที่ค้ำอยู่อย่างเปราะบางด้วยอำนาจ และความหน้ามืดตามัว