SYNTEC ยังมีศักยภาพ!!
SYNTEC เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรที่ให้บริการตั้งแต่งานวางรากฐาน จนกระทั้งก่อสร้างอาคารเสร็จสมบูรณ์ โดยมีสัดส่วนรายได้ราว 97% มาจากภาคเอกชน และส่วนมากเป็นก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและจดทะเบียนใน ตลท.
ถือว่าเป็นดาวเด่นอีกตัวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง คือ บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SYNTEC เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรที่ให้บริการตั้งแต่งานวางรากฐาน จนกระทั้งก่อสร้างอาคารเสร็จสมบูรณ์ โดยมีสัดส่วนรายได้ราว 97% มาจากภาคเอกชน และส่วนมากเป็นก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งลูกค้าหลักเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและจดทะเบียนใน ตลท. อาทิ SPALI, LH, PS, QH, AP, NOBLE และ SC ส่วนรายได้ที่เหลืออีก 3% มาจากโครงการสาธารณูปโภคฟื้นฐานจากภาครัฐฯ
การที่บริษัทมีลูกค้าหลักที่แข็งแกร่ง ผลที่ตามมาคือทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง!!
นอกจากนี้ ด้วยผลงานในมือ (Backlog) ปัจจุบันที่มีราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ บวกกับมี Bidding Project อีกราว 1.2 หมื่นล้านบาท (คาดได้ 2-3 พันล้านบาท) ผลดังกล่าวจะหนุนให้ปี 2559 ของ SYNTEC พลิกกลับมามีกำไร 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน สู่ระดับ 440 ล้านบาท
ขณะที่ระยะยาวคาดยังมีศักยภาพเติบโตจากตลาดคอนโดฯ ที่ยังขยายตัวตามแนวส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ จากปัจจุบันที่มีระยะทางเพียง 58 กม. เพิ่มอีกราว 3.6 เท่า เป็น 265 กม. ในช่วง 6 ปีข้างหน้า กอปรกับ การที่ SYNTEC มีประวัติทำงานที่ดี จึงทำให้ยังมีแนวโน้มการรับงานเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,870.59 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,671.67 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายไดจากการกอสรางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 98.63 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 76.70 ล้านบาท หรือ 0.05 บาทต่อหุ้น
เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อใช้ในการตัดสินใจพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทค่อนข้างดูดี เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 3,488.76 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 2,375.02 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.47 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทมีมากพอสมควร
ขณะที่ปัญหาหนี้สินไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทมีหนี้สินรวม 3,202.54 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 3,084.56 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.04 เท่า แสดงว่า หนี้สินยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ จึงไม่มีอะไรต้องกังวล
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล. เออีซี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.66 บาทต่อหุ้น
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.น.ส.ณิชยา พหูสูตร 171,895,260 หุ้น 10.74%
2.นายจิรโมท พหูสูตร 156,434,060 หุ้น 9.78%
3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 112,406,800 หุ้น 7.03%
4.LITTLEDOWN NOMINEES LIMITED 79,564,600 หุ้น 4.97%
5.นายชวลิต พูนเพิ่มสุวรรณ 75,300,000 หุ้น 4.71%
รายชื่อกรรมการ
1.นายสมชาย ศิริเลิศพานิช รองประธานกรรมการ
2.นายสมชาย ศิริเลิศพานิช กรรมการผู้จัดการ
3.นายทวี กุลเลิศประเสริฐ กรรมการ
4.นางอังสณา วีรฉัตรสกุล กรรมการ
5.น.ส.ยุวดี นิพัทธมานนท์ กรรมการ