ผิดหวัง (ซ้ำซาก)

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะสร้างความผิดหวังซ้ำซากให้กับนักเล่นขาประจำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีประเด็นเชิงบวกเข้ามาเสริมความมั่นใจไม่หยุดหย่อน “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการ so sad อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกรอบ และทางเดียวที่จะทำให้อาการของเดี๊ยนดีขึ้นคงต้องพึ่งการทะยานขึ้นของดัชนีเป็นลำดับแรก เพราะเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ เกิดความกระชุ่มกระชวยนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะสร้างความผิดหวังซ้ำซากให้กับนักเล่นขาประจำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีประเด็นเชิงบวกเข้ามาเสริมความมั่นใจไม่หยุดหย่อน “โมนิก้า” ถึงเกิดอาการ so sad อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกรอบ และทางเดียวที่จะทำให้อาการของเดี๊ยนดีขึ้นคงต้องพึ่งการทะยานขึ้นของดัชนีเป็นลำดับแรก เพราะเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ เกิดความกระชุ่มกระชวยนะจะบอกให้

*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ต้องถามว่าเดี๊ยนรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นดัชนีทิ้งตัวลงมาปิดที่ 1,549.74 จุด ลบไป 24.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.39 หมื่นล้านบาท เพราะทุกคนก็คงเกิดความรู้สึกหดหู่ใจกันอย่างถ้วนหน้า หลังเห็นราคาหุ้นรูดลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยตั้งแต่เปิดตลาด พร้อมกับทำให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยกลับไปสู่โหมดของการตั้งฐานใหม่บริเวณแนวรับ 1,550 จุดอย่างเต็มตัวอีกรอบไงล่ะคะ

*งานนี้ใครจะคอมเมนต์ดุเดือดเผ็ดมันขนาดไหนก็ช่าง หรือจะแสดงความคิดเห็นอะไรนอกกรอบจากนี้ก็ช่าง “โมนิก้า” สนใจแค่ว่า บริเวณแนวรับดังกล่าวต้องมีแรงซื้อเข้ามาช้อนหุ้นตลอดเวลาก็พอ เพราะเป็นเครื่องพิสูจน์เสน่ห์ของตลาดหุ้นไทยยังมีมนต์ขลัง จึงทำให้นักเล่นสถาบันเข้ามาเก็บหุ้นเมื่อย่อตัวลงมาหนัก ๆ จึงอยากให้แฟนคลับมองประเด็นตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญด้วยนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ GULF ทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 161.50 บาท ลบไป 10 บาท หรือลงไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.79 พันล้านบาท เขาว่ากันว่านี่เป็นการขายทำกำไรระยะสั้น ไม่ได้มีอุบัติเหตุทางการเมือง..อุ๊ย..ทางธุรกิจ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม ผนวกกับรอบก่อนหุ้นเด้งขึ้นแถวบริเวณ 160 บาทอย่างรวดเร็ว เลยเชื่อกันว่ารอบนี้น่าจะเป็นเช่นนั้นอีกนะคะ

*ส่วนรายที่ออกไปในแนวแทงกั๊กเต็มตัวอย่าง GPSC ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องแบกความเสี่ยงกันเอาเอง เพราะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นเหวี่ยงตัวค่อนข้างแรงในกรอบ 80-90 บาท แถมเป็นการขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้มาทั้งหมด 3 รอบด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงเดาไม่ออกเหมือนกันว่า การยืนปิดที่ระดับ 82.25 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 5.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.29 พันล้านบาท ใช่จังหวะของการเล่นรอบหรือเปล่า ?

*สำหรับรายที่อยู่ในทิศทางขาลงเป็นเวลานานถึง 5 เดือนอย่างหุ้นร้านสะดวกซื้อ CPALL กลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นกระเป๋าฉีกไปหลายรายด้วยกัน และประเด็นที่ทุกคนกำลังตั้งคำถามอย่างหนักในเวลานี้ก็คือ ธุรกิจจะโตอย่างไร ? ในเมื่อผู้รู้หลายท่านลงความเห็นเหมือนกันว่า ไม่มีช่องให้ขยายตลาดอีกแล้ว! เดี๊ยนถึงเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงจากระดับ 88 บาทลงมาอย่างช้า ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ 72.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.51 พันล้านบาทไงล่ะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CPN มีตัวเลขหลายอย่างที่ทำให้กองทุนรู้สึกไม่สบายใจอย่างแรง จนนำไปสู่การเทขายหุ้นครั้งแล้วครั้งเล่านับตั้งแต่ต้นปี 2562 และดูเหมือนว่าแรงเทขายจะไม่ทุเลาลงแต่อย่างใด เลยทำให้ราคาหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ 59.75 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 590 ล้านบาทแบบนี้ “โมนิก้า” ฟันธงได้ในทันทีว่า ดีสุดของกรณีนี้คือการรีบาวด์ เพราะหุ้นลงมาปิดบริเวณเด้งกลับครั้งก่อนพอดีเจ้าค่ะ

*คล้ายกับกรณีของ DOHOME โดนรินหุ้นออกมาเป็นระยะ จนร่วงลงมายืนปิดที่ 9.50 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตถอนทัพของนักเล่นสถาบัน สภาพของหุ้นถึงเละเทะจนถึงขนาดดูไม่ได้ พร้อมกับส่อแววจะลงไปหาจุดต่ำสุดเที่ยวก่อนบริเวณ 8.80 บาท เท่ากับเป็นตัวเร่งให้นักเล่นต้อง “เก็บคอ งอเข่า” เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินนะจะบอกให้

*ในเมื่อกลุ่มนักเล่นสถาบันมีปัญหาในการเข้าเล่น KTC จึงกลายเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุดตัวหนึ่งเช่นกัน เพราะเมื่อมองดูโอกาสในการทำธุรกิจที่ถูกตีกรอบจากกฎระเบียบมากมาย จนมองไม่เห็นหนทางเบ่งกำไรให้เริ่ดสะแมนแตนเหมือนก่อนหน้านี้กระมัง “โมนิก้า” ถึงเห็นพวกกองทุนสาดหุ้นจนทรุดตัวลงมาปิดที่ 39.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 240 ล้านบาทอย่างง่ายดายนะจ๊ะ

Back to top button