AMATA แต่งเติมบริการ.!?

สำนักข่าวรัชดา

รอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ปรับลดลงไปแล้ว 20% และรอบ 1 เดือน ปรับลดลง 14.75% ทำให้ถูกตั้งคำถามกันเยอะว่า เกิดอะไรกับหุ้นตัวนี้..?

ขณะเดียวกันก็มีคำถามตามมาอีกว่า ในอนาคต AMATA จะเติบโตอย่างไร..?

หลังผู้บริหารยืดอกรับปีนี้ยอดขายที่ดินในไทยจะทำได้เพียง 700-800 ไร่ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 950 ไร่ โดย 9 เดือนแรก สามารถทำยอดขายได้เพียง 526 ไร่เท่านั้น…

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการเก็งกันว่า หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะเติบโตดี เพราะได้ 2 แรงหนุน ทั้งจากโครงการอีอีซี และศึกการค้าระหว่างโจ๋มะกันกับขาใหญ่แดนมังกร ที่จะทำให้ต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาในไทยมากขึ้น

แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้…

จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลให้ AMATA ต้องลงทุนธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงและชดเชยรายได้จากการขายที่ดินที่หายไป

ประกอบกับธุรกิจบริการของ AMATA เองก็ยังไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่..

ไม่เหมือนบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ที่มีบริษัทลูกบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ซึ่งทำธุรกิจขายน้ำ-ขายไฟฟ้าให้กับโรงงานอุตสาหกรรมคอยปั๊มรายได้และกำไรกลับมาให้ WHA

ล่าสุดจึงเห็น AMATA ไปจับมือกับ Surbana Jurong Infrastructure Pte. Ltd. ที่สิงคโปร์ ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ Great Mekong Consultancy Pte. Ltd. เพื่อทำธุรกิจให้คำปรึกษาทางวิศวกรรมแก่โรงงานต่าง ๆ โดยกลุ่ม AMATA จะถือหุ้น 45% ส่วน Surbana Jurong Infrastructure Pte. Ltd. ถือหุ้น 55%

การรุกธุรกิจให้คำปรึกษาทางวิศวกรรมแก่โรงงานครั้งนี้ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ AMATA จากลูกค้าในนิคมฯ ที่อาจจะต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจหรือขยายโรงงาน ก็มาใช้บริการตรงนี้

ขณะเดียวกันเป็นการดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้ามาอยู่ในนิคมฯ เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีบริการให้คำปรึกษาทางวิศวกรรมเพิ่มเติม และจะทำให้มูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้นด้วย

โอเค..รายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษาทางวิศวกรรมอาจไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายที่ดิน แต่ก็เป็นรายได้ที่สม่ำเสมอ

ที่สำคัญจะทำให้พอร์ตการลงทุนของ AMATA มีความหลากหลายขึ้น..!

นักวิเคราะห์คาดว่า ภาพรวมธุรกิจของ AMATA ในปี 63 น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยประมาณการกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,880 ล้านบาท จากปีนี้คาดทำได้ 1,710 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายที่ดินในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 750 ไร่ จากปีนี้คาดทำได้ 726 ไร่

โดยมองว่าช่วงที่ราคาหุ้นร่วงแรง เป็นโอกาสในการสะสมหุ้น จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25.90 บาท

ก็ยังมีอัพไซด์ให้เล่นอีกพอสมควร…

อืม…หรือใครเห็นต่างมองว่ายังไม่เข้าตา ก็ไม่ว่ากัน…

…อิ อิ อิ…