BDMS เน้นกินชัวร์..!
การประกาศจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ลูกค้าประกันจากปัจจุบัน 30% เป็น 40% ภายใน 3-5 ปีของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจ..!
สำนักข่าวรัชดา
การประกาศจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ลูกค้าประกันจากปัจจุบัน 30% เป็น 40% ภายใน 3-5 ปีของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจ..!
นั่นแสดงให้เห็นว่า BDMS กำลังเดินเกมเน้นกินชัวร์มากขึ้น..
สาเหตุที่ BDMS ต้องเปิดเกมรุกจับกลุ่มลูกค้าประกันมากขึ้น อาจเป็นเพราะมองเห็นปัจจัยเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจโรงพยาบาล
โอเค…แม้ประเทศไทยและอีกหลายประเทศในเอเชียกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตดี
แต่อย่าลืมว่า เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าต่างชาติที่เคยบินมารักษาพยาบาลในไทย บวกกับเศรษฐกิจของไทยเองก็ชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าในประเทศก็หดหายไปเช่นกัน
นี่ไม่นับรวมกับกฎเกณฑ์ใหม่จากภาครัฐ ที่บีบให้โรงพยาบาลเอกชนขยับตัวได้ยากขึ้น ตั้งแต่กรณีมีมติให้สินค้ายา เวชภัณฑ์และค่าบริการทางการแพทย์ เป็น “สินค้าและบริการควบคุม” ประจำปี 2562
และกรณีเห็นชอบให้โรงพยาบาลเอกชน ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายส่ง ต้องแจ้งราคาซื้อขายให้แก่กรมการค้าภายใน เพื่อเผยแพร่ราคาจำหน่ายของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งผ่านเว็บไซต์กรม เป็นต้น
ขณะที่ข้อจำกัดของโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือ BDMS ขึ้นชื่อเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่แพงลิบลิ่ว ทำให้ลูกค้าขาจรเข้าไปใช้บริการได้ยาก
เหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจเข้ามาบั่นทอนการเติบโตของ BDMS ในอนาคต…
โดยเฉพาะในช่วงจังหวะที่ BDMS ไม่มี “หมอเสริฐ” ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นั่งบัญชาการ เนื่องจากถูก กกต.ลงดาบกรณีปั่นหุ้นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็ยิ่งถูกตั้งคำถามว่า จะยังทำผลงานได้ดีแค่ไหน..?
แม้ช่วง 9 เดือนปีนี้ ฟันกำไรสุทธิไปแล้ว 13,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,841 ล้านบาท แต่ถ้าดูไส้ในจะเห็นว่า มาจากกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM จำนวน 6,094 ล้านบาท
ส่วนงบงวดไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 2,890 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,879 ล้านบาท
ส่อเค้าลางว่า ถ้า BDMS ไม่ทำอะไรสักอย่าง มีหวังผลประกอบการในอนาคตอาจสุ่มเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ทำให้ต้องหันมาเน้นการสร้างรายได้แบบเมกชัวร์มากขึ้น
ซึ่งความน่าสนใจของกลุ่มลูกค้าประกัน คือ เป็นกลุ่มที่พร้อมจ่าย ราคาจะสูงหรือต่ำก็จ่ายได้ ถ้าอยู่ในวงเงินประกันที่ทำไว้ อีกทั้งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสใช้บริการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี
ขณะที่ลูกค้ากลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปีจากธุรกิจประกันชีวิตของประเทศไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
นั่นจะทำให้ความเสถียรของรายได้ BDMS ในอนาคตมีมากขึ้น..!
นักลงทุนรายย่อย 52,540 รายที่มีหุ้น BDMS ติดอยู่ในพอร์ตจะได้รู้สึกอุ่นใจที่เห็นการเติบโตต่อเนื่องไปนาน ๆ แม้จะไม่มี “หมอเสริฐ” บัญชาการอยู่เบื้องหน้าแล้วก็ตาม…
ส่วนจะอยู่เบื้องหลังหรือไม่…ก็ไม่รู้สินะ
…อิ อิ อิ…