พาราสาวะถี
ไม่ว่าการเข้ามานั่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเข้าร่วมด้วยเหตุผลใดก็ตาม การตั้งอดีตพวกของเพื่อน (ร่วมรัฐบาล) ที่เพิ่งลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคของเพื่อนเพียงแค่ไม่ถึงสัปดาห์ สะท้อนให้เห็นความจริงใจต่อกันได้เป็นอย่างดี หากเป็นนักการเมืองที่ยึดมั่นในระบบและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คงไม่มีใครหน้าไหนที่จะยอมทนนั่งอยู่ในอำนาจ โดยที่ต้องแลกมากับความรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนใช้เท้าลูบหน้าอยู่ตลอดเวลา
อรชุน
ไม่ว่าการเข้ามานั่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเข้าร่วมด้วยเหตุผลใดก็ตาม การตั้งอดีตพวกของเพื่อน (ร่วมรัฐบาล) ที่เพิ่งลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคของเพื่อนเพียงแค่ไม่ถึงสัปดาห์ สะท้อนให้เห็นความจริงใจต่อกันได้เป็นอย่างดี หากเป็นนักการเมืองที่ยึดมั่นในระบบและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คงไม่มีใครหน้าไหนที่จะยอมทนนั่งอยู่ในอำนาจ โดยที่ต้องแลกมากับความรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนใช้เท้าลูบหน้าอยู่ตลอดเวลา
ประสาพรรคการเมืองที่คนทั่วไปเข้าใจได้ ประชาธิปัตย์ย่อมมีเหตุผลมาอธิบายได้ร้อยแปด เรื่องศักดิ์ศรีใด ๆ ไม่ต้องถามถึง ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนับตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร ก้าวเข้าสู่อำนาจ จนกระทั่งพากันไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เวลาผ่านไปหลายปีดีดักมีโอกาสได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกคน หากเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่ต้องการเสวยสุขในอำนาจ มีเป้าประสงค์เพื่อปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง คงจะประกาศตัวไปเป็นฝ่ายค้านอิสระตั้งแต่หลังเลือกตั้งแล้ว
การสร้างวาทกรรมเข้าไปชัตดาวน์อำนาจคสช. จนกระทั่งมาถึงผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจ การดึงอดีตคนของตัวเองไปอยู่กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ และวางเป้าหมายเพื่อที่จะเข้ามาเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นกลเกมของฝ่ายหวงอำนาจและไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เป็นอย่างดีว่าต้องการอะไร
ขณะที่ เทพไท เสนพงศ์ คนที่เพิ่งประกาศว่าจะยอมทำตามมติของพรรคและฟังสิ่งที่วิปรัฐบาลสั่งการมาแต่โดยดี ยังเรียกร้องให้สังคมจับตามองเก้าอี้ประธานกรรมาธิการวิสามัญคณะนี้ อันจะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคแกนนำรัฐบาล แม้จะแสดงความเห็นด้วยต่อคุณสมบัติของพีระพันธุ์ว่าเหมาะสมกับเก้าอี้นี้ แต่ก็ไม่วายดักคอเรื่องที่บอกว่า “จะไม่ยุ่งกับการเมือง” แล้วเรื่องนี้ไม่เป็นการเมืองตรงไหน
พอจะเข้าใจได้ ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ย้ำมาตลอดคือ อย่างหนาเรียกพี่ เสียงวิจารณ์ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยความหวังดีหรือไม่ก็ตาม ไม่เคยมีผลต่อการดำเนินการใด ๆ ของขบวนการสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว สิ่งที่เป็นเรื่องตลกแต่ขำกันออก คงเป็นการตอกย้ำอย่างพร่ำเพรื่อของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องอย่ายึดถือรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ให้มองไปยังกฎหมายลูกต่าง ๆ ที่ต้องนำไปสู่การปฏิบัติเห็นด้านหลัก
ด้วยเหตุนี้กระมังจึงทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ได้อินังขังขอบต่อการที่ตัวเองกระทำการที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ แน่นอนว่า ไม่ต้องไปถามความเห็นของเนติบริกรผู้ทำลายต้นทุนของตัวเองจนไม่เหลือซากกันแล้ว เพราะทุกคำตอบที่ออกมาจากปากศรีธนญชัยยังเรียกพี่ ขณะที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ไม่ใช่สาวกเผด็จการต่างพากันส่ายหน้าเป็นแถว ไม่คิดว่าคนเราจะมาเสียคนตอนแก่
เรื่องการปฏิรูปประเทศไม่ว่าด้านใดก็ตามโดยเฉพาะด้านการเมือง เคยบอกมาโดยตลอดว่าล้มเหลว บางคนบางพวกอาจจะกล่าวหาว่าเป็นทัศนะที่เต็มไปด้วยอคติ แต่ผลจากการลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคสืบทอดอำนาจของ ธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรค มีสิ่งที่ช่วยยืนยันความเห็นของอรชุนต่อเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้ง ๆ ที่อดีตผู้สมัครรายนี้เป็นคนที่คอยออกมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามด้วยเหตุด้วยผลมาตลอด
แต่คงพ่ายแพ้ต่อท่วงทำนองและท่าทีของบรรดากระบอกเสียงทั้งหลายแหล่ จึงเป็นที่มาของเหตุผลในการลาออกที่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองกำลังมุ่งไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง และตนไม่อยากมีส่วนร่วมในสิ่งที่ไม่ได้ก่อ ขณะที่มุมต่อความเปลี่ยนแปลง ธันวาก็อธิบายจนเห็นภาพ จากความมุ่งหวังจะเห็นอุดมการณ์ที่ชัดเจนของพรรคสืบทอดอำนาจมาตลอด แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏ โดยยังดำเนินแนวทางในรูปแบบการเมืองเก่า
เด่นชัดเป็นที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องการเน้นรักษาเสถียรภาพเพื่อคงสถานะแกนนำรัฐบาล มากกว่าเป้าหมายการปฏิรูปประเทศ อันเป็นเหตุให้เกิดข้อครหาต่าง ๆ มากมายซึ่งไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมได้ ความจริงมันตอบคำถามของสังคมไม่ได้ตั้งแต่ผู้นำเผด็จการเลิกพูดในสิ่งที่ตัวเองได้ผลิตซ้ำทางความคิดมาตั้งแต่ยึดอำนาจคือ หากมีการเลือกตั้งอย่าเลือกแบบเดิมแล้วจะได้แบบเดิม เพราะพรรคที่ยกหางตัวเองดันทะลึ่งไปดูดเอานักการเมืองหน้าเดิมมาด้วยสารพัดวิธี
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเสนอ 9 ข้อแนะนำต่อพรรคสืบทอดอำนาจ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นไปด้วยความหวังดีหรือตบหน้ากันฉาดใหญ่กันแน่ เพราะแต่ละข้อนั้น หากเป็นฝ่ายตรงข้ามพูดดีไม่ดีอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาสร้างความปลอมหรือเฟคนิวส์ไปเสียฉิบ เริ่มกันตั้งแต่เรื่องการเสนอให้ยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง ไม่อุ้มพวกพ้อง ลดละเลิกการกระทำที่นำมาซึ่งข้อครหาว่า “สองมาตรฐาน” ซึ่งข้อนี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงเถียงคอเป็นเอ็นว่าตนยึดถือแบบนี้มาตลอด แม้จะมีข้อยกเว้นกับบางคนบางพวกก็ตาม
ข้อเสนอให้ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ หากจำเป็นต้องตอบโต้ควรใช้เหตุผลแทนความสะใจ ทั้งในและนอกสภา รับฟังเสียงประชาชนให้มากขึ้นไม่ควรบริหารแบบสั่งการจากบนลงล่าง แต่เน้นการมีส่วนร่วม รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชน หาเสียงไว้อย่างไรต้องทำ หากทำไม่ได้ต้องชี้แจงเหตุผล จะว่าไปทั้งสามข้อนี้ไม่ใช่แค่พรรคสืบทอดอำนาจเท่านั้นที่เป็น ตัวผู้นำเองก็ทำอยู่บ่อยครั้ง ย้อนกลับไปดูการพูดแทบจะทุกเวทีที่มีทั้งยึดถือเรื่องชนชั้นวรรณะ และการไม่ทำตามสัญญาโดยเฉพาะการเลือกตั้ง
ส่วนข้ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องมีความเหมาะสม ไม่ควรแต่งตั้งเพียงเพื่อรักษาดุลอำนาจ ปรับยุทธศาสตร์ด้านการสื่อสารโดยเร่งด่วน ทำงานดีแค่ไหนแต่คนไม่รู้ก็เหมือนกับไม่ได้ทำ ในการต่อสู้กับข่าวลวงจากบุคคลภายนอก ควรตรวจสอบบุคคลรอบข้างตนเองให้ดีเสียก่อน ไม่มีม็อบไหนล้มรัฐบาลได้ถ้ารัฐบาลทำตัวเองให้ดีพอ ถ้าทำตัวเองให้ดีพอไม่ได้และสถานการณ์รุนแรงเกินรับไหวควรปล่อยมือ เสียสละให้ประชาชน พูดได้ตรงใจคนส่วนใหญ่แต่ไม่น่าจะถูกใจพวกบ้าอำนาจ การอัปเปหิตัวเองให้พ้นไปเสียจากวงจรอุบาทว์จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง