ECF ธุรกิจหลักยังเด่น!
ECF ยังคงยืนอยู่บนพื้นฐานธุรกิจหลักอย่างเฟอร์นิเจอร์ที่จะสดใสต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ปี 62 แล้วจะไปชัดเจนมากขึ้นในช่วงปีหน้า เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
คุณค่าบริษัท
บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ยังคงยืนอยู่บนพื้นฐานธุรกิจหลักอย่างเฟอร์นิเจอร์ที่จะสดใสต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 แล้วจะไปชัดเจนมากขึ้นในช่วงปีหน้า เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
ประกอบกับการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปต่างประเทศมีสัญญาณการเติบโตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ จากกลุ่มลูกค้ารายใหม่ในญี่ปุ่น จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง โดยแต่ละรายที่เริ่มเป็นลูกค้ากับบริษัทถือเป็นลูกค้ารายใหญ่และมีศักยภาพที่จะสามารถสร้างโอกาสการเติบโตของคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากประสบความสำเร็จตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2562 พร้อมกับปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อสินค้ายาวต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2563 แล้ว รวมถึงยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและเป็นรายใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย
ส่วนทางด้านตลาดในประเทศ ทาง ECF มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายในช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ ล่าสุดสามารถเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรดได้อีก 2 ราย ซึ่งแต่ละรายมีโอกาสการเติบโตผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังได้เริ่มออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจำหน่ายในรูปแบบอุปกรณ์ก่อสร้างที่ใช้วัตถุดิบจากไม้ยางพารา เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาที่รับงานติดตั้งให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายของประเทศ
สิ่งสำคัญในส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทนจะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ ที่ มินบู ประเทศเมียนมา ที่เฟสแรก 50 เมกะวัตต์ สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรงวดแรกเข้ามาเต็มในไตรมาส 4 นี้
ในส่วนของเฟสที่ 2, 3 และ 4 อยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากครบทั้ง 4 เฟส บริษัทคาดการณ์รับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้มียังโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนด้วย
ดังนั้นจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำอาจเป็นจังหวะของการเข้าเก็บ…เพราะเชื่อว่าในส่วนธุรกิจที่มีความสดใส ประกอบกับตัวผลประกอบการอย่างไตรมาส 4/2562 ไปถึงปี 2563 ที่จะยังเติบโตจากธุรกิจขยายตัวได้ดีก็อาจสร้างความมั่นใจแก่การลงทุนมากขึ้น
ขณะที่เดิมที่ผลประกอบการของ ECF ถือว่าเติบโตเสมอมา แม้ว่าบางปีกำไรจะลดลง โดยในปี 2558 กำไรสุทธิ 75.43 ล้านบาท ต่อมาในปี 2559 กำไรสุทธิ 62.44 ล้านบาท ส่วนในปี 2560 กำไรสุทธิ 73.05 ล้านบาท และในปี 2561 กำไรสุทธิ 33.76 ล้านบาท กระทั่งงวด 9 เดือนแรกปี 2562 ทำกำไรสุทธิ 21.26 ล้านบาท
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ กำไรสะสม 408.27 ล้านบาท ถือว่าเป็นบริษัทที่ดี มีงบดุลที่แข็งแกร่ง
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ 150,412,750 หุ้น 15.68%
น.ส.ทิพวรรณ สุขสวัสดิ์ 150,182,750 หุ้น 15.65%
นายชาลี สุขสวัสดิ์ 149,982,750 หุ้น 15.63%
นางพิกุล พานิช 25,000,000 หุ้น 2.61%
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 23,657,251 หุ้น 2.47%
รายชื่อกรรมการ
พลเอกเทอดศักดิ์ มารมย์ ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
นายชาลี สุขสวัสดิ์ รองประธานกรรมการ
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ, กรรมการ
นายวัลลภ สุขสวัสดิ์ กรรมการ
น.ส.ทิพวรรณ สุขสวัสดิ์ กรรมการ