พาราสาวะถี
นี่คือชะตากรรมที่จะต้องเผชิญ วันวานศาลรัฐธรรมนูญมีข่าวดีสำหรับพรรคอนาคตใหม่ 2 เรื่องคือ รับคำร้องของกกต.ที่ยื่นให้ยุบพรรคกรณีกู้เงินจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค รวมทั้งชี้แจงกรณีที่ศาลได้รับพิจารณาคำร้องที่ ณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร ปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
อรชุน
นี่คือชะตากรรมที่จะต้องเผชิญ วันวานศาลรัฐธรรมนูญมีข่าวดีสำหรับพรรคอนาคตใหม่ 2 เรื่องคือ รับคำร้องของกกต.ที่ยื่นให้ยุบพรรคกรณีกู้เงินจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค รวมทั้งชี้แจงกรณีที่ศาลได้รับพิจารณาคำร้องที่ ณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร ปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันอังคารที่ 21 มกราคม 2563 เวลา 11 นาฬิกา 30 นาที คงชี้นำศาลไม่ได้ แต่ในมุมของคนทั่วไปนั้นเชื่อได้ว่าคาดหมายปลายทางคงไม่ต่างกัน
กล่าวสำหรับคดีล้มล้างการปกครองนั้น ณฐพรคนไปยื่นเคยอธิบายว่า ประเด็นที่ร้องมีหลายประเด็นทั้งพฤติกรรมการกระทำของหัวหน้าและแกนนำพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ที่มีการเขียนในลักษณะไม่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมยืนยันว่า การดำเนินการเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีเบื้องหลังหรือไปรับงานใครมา รวมทั้งตัวเองก็ไม่ได้ทำเพราะโกรธแค้นหรือมีปัญหาอะไรกับธนาธรหรือปิยบุตรมาก่อนเพราะไม่เคยรู้จักกัน
เพียงแต่เห็นว่าการกระทำของแกนนำและพรรคอนาคตใหม่ มีลักษณะเอาระบอบประชาธิปไตยมาอ้าง แต่แท้จริงแล้วมีเจตนาที่ไม่มีดีกับสถาบันเบื้องสูง ซึ่งข้อกล่าวหาอย่างหลังนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสสำหรับคนที่ถูกดำเนินการ เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิสูจน์ ส่วนประวัติของณฐพรนั้นเคยเป็นอดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และเป็น 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาคดีฟอกเงิน กรณีการขายที่ดินของ ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นฯ
ความจริงประเด็นอันเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่และธนาธรหลังการเลือกตั้งนั้น เป็นสิ่งที่พอจะคาดเดากันได้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และผลจากคดีส่วนตัวของธนาธรสุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่จะมองเห็นภาพบทสรุปของพรรคที่ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราได้เห็นแฟลชม็อบและเชื่อได้ว่าจะมีม็อบตามมา แต่ไม่รู้ว่าจะเล็กใหญ่ขนาดไหน ด้วยเหตุและปัจจัยของสถานการณ์ที่มันต่างออกไปจากช่วงความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า กระบวนการ กลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจที่วางไว้นั้น ดักหน้าดักหลังทำให้ฝ่ายตรงข้ามขยับทำอะไรได้ลำบาก ขนาดกระบวนการตรวจสอบที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ยังทำได้ยาก ไม่ใช่เพราะถูกมัดมือมัดเท้า หากแต่ฝ่ายที่กุมอำนาจตีหน้ามึน อ้างเรื่องตัวบทกฎหมายสารพัด จนทำให้ฝ่ายที่จะตรวจสอบเกิดภาวะกังวล ส่วนองค์กรที่จะรับลูกก็อย่างที่รู้กันเกิดมาจากไหน
เห็นได้ชัดในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่วันนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาในเรื่องดังกล่าวได้เริ่มขยับตัว โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญกันพร้อมแล้ว แต่ยังไม่มีใครเชื่อว่าการทำงานจะเป็นไปด้วยความราบรื่นและสามารถนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ล่าสุด วิษณุ เครืองาม ก็ออกมาส่งสัญญาณเตือนดัง ๆ หลังผลการศึกษาการจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจไม่ใช่แค่ตู้เซฟที่ใช้กุญแจสองดอกแล้วปลดล็อกสำเร็จ
โดยวิษณุระบุว่า มันมีกุญแจสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายดอกเพราะมีหลายด่าน ดอกหนึ่งก็คือสภาผู้แทนราษฎร อีกดอกหนึ่งก็สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 80 กว่าคน และยังมีดอกประชาชนอีก เพราะหากแก้บางเรื่องก็ต้องไปถามประชาชน และอีกดอกคือศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ทุกดอกถือว่าสำคัญหมด ซึ่งความจริงที่จะยากคงมีแค่ 2 ดอกคือ ส.ว.และศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องอธิบายขยายความว่าเพราะเหตุใด ของพรรค์นี้แค่มองตาก็รู้กันแล้วว่าเพราะเหตุใด
แน่นอนว่า ทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่อยู่ในองคาพยพสืบทอดอำนาจ ต่างก็รู้กันดีอยู่ว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาลในเวลานี้ส่วนสำคัญก็เกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ อาจเรียกได้ว่าทุกปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนมาจากฤทธิ์เดชของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เขียนเอื้อสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงผ้าคลุมประชาธิปไตยปิดบังไม่ให้เห็นความเป็นเผด็จการเท่านั้น ดังนั้น ใครที่คาดหวังว่าพอมีช่องที่จะแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จถือเป็นความฝันเฟื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้
วันนี้ ในแวดวงวิชาการมีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกัน ถึงขนาดที่วิเคราะห์ไปว่าปัญหาของกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยเวลานี้คือการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรที่ดูแลการเลือกตั้งทั้งระบบอย่างกกต. เพราะกกต.ทำงานไม่ตรงเป้า ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ตามความคาดหวังของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ทำให้เกิดสภาพของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ทำงานด้วยความยากลำบาก แม้ว่ามีการเลือกตั้งซ่อมแล้วจะทยอยเก็บชัยชนะ สะสมเสียงส.ส.แต่มันไม่ยั่งยืน
ความไม่ยั่งยืนดังกล่าวมันหมายถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ขณะที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะปากท้องของประชาชน ก็ชัดเจนยิ่งว่ารัฐบาลสืบทอดอำนาจแก้ปัญหากันแบบระบบราชการ ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยาแก้ปวด การรักษาจึงไม่หายขาด ส่วนการลงทุนจากต่างชาติคงยากที่จะเห็นการลงทุนขนาดใหญ่ เพราะจนถึงปัจจุบันคนเหล่านั้นยังเกิดเครื่องหมายคำถาม มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งก็จริง แต่ยังไม่มีใครเชื่อมั่นว่าประเทศไทยปกครองโดยกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายเป็นมาตรฐานเดียวกัน