Save the SET2020
คอลัมน์ “ขี่พายุ ทะลุฟ้า” ที่มีอายุยืนนานมา 25 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชน และรับทั้งทุกข์ระคนสุขร่วมกับกัลยาณมิตรผู้ลงทุนด้วยความซื่อสัตย์เสมอมา คงจะได้รับใช้ท่านเป็นวันสุดท้ายซะแล้ว
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
คอลัมน์ “ขี่พายุ ทะลุฟ้า” ที่มีอายุยืนนานมา 25 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชน และรับทั้งทุกข์ระคนสุขร่วมกับกัลยาณมิตรผู้ลงทุนด้วยความซื่อสัตย์เสมอมา คงจะได้รับใช้ท่านเป็นวันสุดท้ายซะแล้ว
เศรษฐกิจปีหน้า จะดีไหม?
ใครตอบว่าดี คงจะถูกเพื่อนฝูงโห่ฮาเอา เพราะเห็น ๆ กันอยู่จะ จะต่อหน้าต่อตาอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจปีหน้า จะไม่มีแรงส่งจากเศรษฐกิจปีนี้เลย
นายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังยอมรับเองว่า เศรษฐกิจปีนี้จะโตได้แค่ 2.6% เท่านั้น และอาจจะต่ำกว่านี้ หากจีดีพี.ไตรมาส 4 เติบโตได้ไม่ถึง 3%
ส่วนทางด้านแบงก์ชาติ ผู้ว่าการฯ วิรไท สันติประภพ คาดการณ์จีดีพี.ปีนี้จะเติบโตได้ไม่เกิน 2.5% แถมคอมเม้นต์สำทับว่าเป็นการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น และปี 63 ปีหน้า คาดการณ์ว่าจีดีพี.จะเติบโตเพียง 2.8%
ครับ ทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เล่นบทอะไร เล่นบทนักวิชาการที่ถนัดงานบนโพเดียม หรือผู้บริหารนโยบายทางการเงิน ที่จะต้องดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม
ไม่ใช่ปล่อยให้เงินบาทแข็งโป๊กเกินหน้าเพื่อนบ้านทั้งในอาเซียนและระดับแถวหน้าสุดในภูมิภาคเอเชีย จนก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการส่งออก และเริ่มจะปิดโรงงาน–ปลดคนงานกันเป็นแถวๆ แล้วล่ะ
และก็ไม่ใช่จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงเกินความเป็นจริง เพื่อจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ และก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะป้องกันไม่ให้เงินทุนจากภายนอก เคลื่อนย้ายมาหากินกับ “ส่วนต่าง”อัตราดอกเบี้ย
ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเลยจริง ๆ ที่ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แบงก์ชาติเอาแต่ยึดถือเรื่อง “กรอบเงินเฟ้อ” หรือ “Inflation Targeting” เป็นสรณะ ในเมื่อปัญหาเศรษฐกิจของเราในตอนนี้ ไม่มีปัญหาเงินเฟ้อให้ต้องแก้ไขหรือหาทางสกัดกั้นแม้แต่นิดเดียว แต่มันคือ “เงินฝืด” ที่นับวันจะเดินเข้าหาหลุมดำทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นทุกที
ยิ่งนับวันปล่อยไป ก็จะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่แก้ไขได้ยากยิ่งเข้าไปทุกที
ขณะเดียวกัน ทางซีกฝั่ง “รัฐบาลเชียงกง” ก็เห็นแต่การถือไมค์ร้องเพลง เอาแต่ร่ายรำกันเฉิบ ๆ และยึดถือแนวทางแจกแหลก “อภิมหาประชานิยม” เป็นแนวทางเอกในการแก้ไขเศรษฐกิจ
สรุปแล้ว ปีหน้า อนาคตเศรษฐกิจไทยดูมืดมัวจริง ๆ ผมรู้สึกว่าปีนี้น่าจะเป็นปีแรกแล้วนะ ที่มูลค่าการส่งออกของเวียดนามจะแซงหน้าประเทศไทย
แค่ยอด 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 62) มูลค่าส่งออกของเวียดนาม ปาเข้าไปถึง 243,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น7.8% แล้ว ขณะที่ยอด 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) มูลค่าส่งออกของไทยเพียงแค่ 227,090 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวลดลง 2.77%
นี่คือสัญญาณแรก ระหว่างเศรษฐกิจไทยกับเวียดนาม ไม่รู้ว่าเมื่อยืนระยะกันต่อไปแล้ว ใครจะทิ้งใคร คำขวัญอาเซียนที่ไทยปลุกปั้นขึ้นมาว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” อาจจะไม่เหลือใครมาอยู่หลังเราสักเท่าไหร่แล้ว เพราะเพื่อนบ้านโตเอา ๆ แต่เราหยุดนิ่งอยู่กับที่
ตลาดหุ้นล่ะ ปีหน้าจะไปกันยังไง!
ตลาดหุ้นที่ไม่มีแรงส่งจากภาคเศรษฐกิจภายนอก ก็ต้องพึ่งพาตนเองจากผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน แต่ในรอบปี 62 ที่ผ่านมา บจ.ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับความตกต่ำของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากสงครามการค้า และการทำลายล้าง(ดิสรัปชั่น) ที่ธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกแขนง ต้องมีการปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในรอบ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ที่ผ่านมา มีผลกำไรรวมทั้งสิ้น 6.45 แสนล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ความหวังด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน คงต้องฝากความหวังไว้กับการคลี่คลายของสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ และการปรับตัวหนีดิสรัปชั่นของบริษัทตัวเอง ซึ่งหากผลประกอบการบจ.ยังคงติดลบเป็นเลข 2 หลักในปีหน้าเช่นเดิม ตลาดหุ้นไทยคงไม่ใช่แหล่งลงทุนที่ไว้ใจได้สักเท่าไหร่นัก
อนึ่ง ผลงานหุ้นจดทะเบียนเข้าใหม่ทั้งในตลาดหลัก SET และตลาด mai ส่อให้เห็นความล้มเหลวเป็นอย่างมากในการคำนึงถึงปริมาณมากกว่าคุณภาพ เพราะมี “หุ้นหลุดจอง” จำนวนมากอย่างน่าเกลียด
หุ้นหลุดจองส่วนใหญ่ มักจะตั้งราคาแพงลิบลิ่ว พี/อีสูงปรี๊ด 100 กว่าเท่าก็มี และยีลด์ หรือผลตอบแทนก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่น่าปล่อยให้เข้าตลาดมาได้เลยสักนิด
ขอฝากหน่วยงานหลักคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กราบเรียนพิจารณาด้วย
คำอธิษฐานสำหรับตลาดหุ้นไทยปีชวดหนู อยากจะบอกว่า Save the SET2020 ครับ