ดันหุ้นทีเผลอ!
*หลังจากนั่งเรียบเรียงข้อมูลการลงทุนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อนต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ “โมนิก้า” สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดีว่าชอบเล่นทีเผลอเป็นประจำ และมักจะอ้างเหตุผลของการเข้าซื้อแบบเพี้ยน ๆ อยู่ร่ำไปนั้น เดี๊ยนมองเป็นเพียงกุศโลบายที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการคล้อยตาม ซึ่งไม่มีนัยสำคัญสำหรับแมงเม่าอย่างพวกเรา ๆ ท่าน ๆ หรอกค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หลังจากนั่งเรียบเรียงข้อมูลการลงทุนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อนต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ “โมนิก้า” สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดีว่าชอบเล่นทีเผลอเป็นประจำ และมักจะอ้างเหตุผลของการเข้าซื้อแบบเพี้ยน ๆ อยู่ร่ำไปนั้น เดี๊ยนมองเป็นเพียงกุศโลบายที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการคล้อยตาม ซึ่งไม่มีนัยสำคัญสำหรับแมงเม่าอย่างพวกเรา ๆ ท่าน ๆ หรอกค่ะ
*เนื่องจากจังหวะนี้เป็นเกมดันหุ้นบลูชิพบางตัวทำราคาเพื่อปิดบัญชีเพียงประเด็นเดียว จึงไม่มีเหตุผลต้องมาอธิบายอะไรให้มากความ เพราะเป็นเรื่องที่ชาวหุ้นพบเห็นได้เป็นประจำทุกปี และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,579.03 จุด บวกไป 6.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.83 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำท่าย่ำฐานแถว 1,565 จุด เดี๊ยนมองเป็นช็อตของการเคาะหุ้นเพื่อเรียกแขกเข้ามาร่วมแจมนะจะบอกให้
*ที่สำคัญคือ ยอดซื้อของนักเล่นกลุ่มกองทุนที่ปรากฏให้เห็น 833 ล้านบาท ท่ามกลางนักเล่นกลุ่มตาน้ำข้าวยังคงแนวทางขายทิ้งออกมาอีก 940 ล้านบาท โดยที่ปอบผีฟ้าเคาะซื้อแบบเสียไม่ได้ 90 ล้านบาท พ่วงด้วยแมงเม่าซื้อหุ้นเพียง 13 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ย้ำหัวหมุดให้เห็นอีกครั้งว่า คนกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยตัวจริงคือใคร ? ซึ่งวันนี้ได้เผยตัวตนที่แท้จริงให้สังคมชาวหุ้นได้เห็นอีกครั้งแล้วนะคะ
*ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องถามว่า ROBINS ทะยานขึ้นด้วยปัจจัยอะไร ? รอบนี้ทะยานขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน ? เพราะคำตอบทั้งหมดอยู่ที่บทเกริ่นนำที่ให้ไว้ตั้งแต่ตอนต้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นแม่ขึ้นมาปิดที่ 65.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 496 ล้านบาท น้องโมพูดได้แค่ว่า มันเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำ..หากไม่ใช่ก็ใส่เกียร์ถอยเท่านั้นเองค่ะ
*อีกหนึ่งกรณีที่ดูได้ง่าย ๆ ต้องยกให้ KCE กระชากขึ้นมาปิดที่ 25 บาท บวกไป 2.20 บาท หรือขึ้นไป 9.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 747 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า มันเหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ 3 ครั้งทุกกระเบียดนิ้ว (ครั้งแรกไล่จาก 13 บาทขึ้นมาที่ 17 บาท ครั้งที่สองไล่ขึ้นไปแถว 20 บาท และครั้งที่สามไล่ขึ้นมาที่ 25 บาท) เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นเดาทางกันเอาเองว่า เที่ยวนี้จะฝ่าได้ไหม ? เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในเวลานี้เจ้าค่ะ
*สำหรับในรายของ BJC จู่ ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ 42.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 383 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นกิมมิกที่นักเล่นต้องตามให้ทัน และต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยว่า ที่ผ่านมากำไรโตระเบิดระเบ้อมันเกิดจากอะไรกันแน่ ? รวมทั้งการกลับคืนสู่สามัญในเที่ยวนี้จะกินระยะเวลานานแค่ไหน ? ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้นักเล่นต้องเคาะสั้น ๆ เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ AP มันเป็นจังหวะที่สามารถตามน้ำได้อีกนิดหน่อย เพราะแนวต้านแรกที่เห็นกันทนโท่อยู่แถว 7.50 บาท หากฝ่าขึ้นไปได้อย่างสวยงามก็มีลุ้นถึงระดับราคา 8 บาทกันเลยทีเดียว “โมนิก้า” ถึงมองการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.35 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184 ล้านบาท เหมือนเป็นตัวเร่งให้พวกขาลุยต้องลองเสี่ยงดูอีกสักตั้งเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นเริ่มวิ่งอีกครั้ง “โมนิก้า” คงต้องย้อนกลับมาดูเจ้าตลาดโฆษณาครบวงจรอย่าง PLANB เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นที่ชอบตามกระแส ล่าสุดเห็นหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 7.60 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 151 ล้านบาท ถือเป็นสัญญาณดีที่มีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง จึงมีลุ้นตั้งฐานใหม่บริเวณ 8.20 บาทในไม่ช้า จึงเชื่อว่าการโฟกัสหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ น่าจะเป็นยุทธวิธีที่ดีสำหรับการเคาะหุ้นส่งท้ายปีนะจ๊ะ
*ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงคนที่ชอบลุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น SAWAD หลังประคองราคาตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายปิดเสมอตัวที่ระดับ 67.50 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 115 ล้านบาท ในทางเทคนิคอาจดูไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ เพราะหุ้นดันวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อย่างร้อนแรง แต่ตอนปิดไม่สามารถยืนระยะได้อย่างแข็งแกร่ง จึงเกิดไส้แท่งเทียนทั้งหัวทั้งท้าย (โดจิ) แบบนี้..บอกได้ทันทีว่ามันเป็นไฟต์บังคับที่หุ้นต้องเดินหน้าขึ้นไปอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้หุ้นม้วนตัวกลับลงไปที่ฐานเดิมบริเวณ 64 บาทไงล่ะคะ