ท่องเที่ยวไทยไม่บันเทิง.!

พลวัตปี 2020 : สุภชัย ปกป้อง

สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) เปิดเผยยอดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองปี 2562 พบว่า นักท่องเที่ยวจีน 3,125,705 คน ลดลด 2.07% จากปี 2561 อยู่ที่ 3,191,662 คน นักท่องเที่ยวเวียดนาม 319,9923 คน ลดลง 1.38% จากปี 2561 อยู่ที่ 324,387 คน นักท่องเที่ยวอินเดีย 279,171 คน เพิ่มขึ้น 3.65% จากปี 2561 อยู่ที่ 269,331 คน นักท่องเที่ยวเกาหลี 221,268 คน ลดลง 11.51% จากปี 2561 อยู่ที่ 250,064 คน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 175,850 คน ลดลง 4.18% จากปี 2561 อยู่ที่ 183,515 คน

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีประมาณ 40.5-40.9 ล้านคน ขยายตัวประมาณ 2-3% ถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดรอบ 6 ปี และเป็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้อย่างภูมิภาคเอเชีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ยุโรป โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง มีแนวโน้มที่ปรับลดลง

ส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีมูลค่าประมาณ 1.97-1.99 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1.4-2.5% จากปี 2562 ปัจจัยหลักมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการแข็งค่าของเงินบาทที่ไม่เอื้ออำนวย และข้อมูลจากการท่องเที่ยวหลายประเทศสะท้อนว่ามูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง เป็นไปทิศทางเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์ใหม่ ๆ มากกว่าการซื้อสินค้า การแข่งขันธุรกิจที่พัก วันพักที่สั้นลง รวมถึงนักท่องเที่ยวหลักส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้

จาก “พลวัตเชิงลบ” ดังกล่าวสะท้อนถึงภาวการณ์ลงทุน “หุ้นกลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว-สายการบินและสนามบิน” อย่างมีนัยสำคัญ นั่นหมายถึงช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มสายการบิน และสนามบิน อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI, บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK

เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว อาทิ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC และอีกหลายตัวที่เกี่ยวข้อง ที่ราคาปรับตัวลงสะท้อนความกังวลกับปัจจัยเชิงลบดังกล่าว

จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง.! เริ่มต้นจากนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาล มาตรการดูแลการแข็งค่าของเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากการแข่งขันด้านราคา จนอาจมีผลต่อสภาพคล่องทางธุรกิจ และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป

ที่สำคัญปีนี้..หาก “ท่องเที่ยวไทยไม่บันเทิง” นั่นก็หมายถึง “เศรษฐกิจไทยต้องระทม” ด้วยเช่นกัน..!!

 

ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ
(เดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินดอนเมือง)
อันดับ	ประเทศ	ปี 2561(คน)	ปี 2562(คน)	(%)
1	จีน	3,191,662	3,125,705	-2.07
2	เวียดนาม	324,387	319,923	-1.38
3	อินเดีย	269,331	279,171	3.65
4	เกาหลี	250,046	221,268	-11.51
5	ญี่ปุ่น	183,515	175,850	-4.18
6	รัสเซีย	134,312	115,546	-13.97
7	ไต้หวัน	90,372	110,404	22.17
8	อินโดนีเซีย	104,323	98,605	-5.48
9	สหราชอณาจักร	98,759	65,935	-33.24
10	ฮ่องกง	61,267	50,787	-17.11
11	เยอรมัน	50,926	49,107	-3.57
12	ฝรั่งเศส	51,274	48,964	-4.51
13	สหรัฐ	31,158	32,594	4.61
14	ยูเครน	29,566	31,440	6.34
15	สเปน	30,604	28,315	-7.48
ที่มา : สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(ATTA)