พาราสาวะถี

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ยังคงมีสัญญาณไม่น่าไว้วางใจต่อเนื่อง เมื่อล่าสุด สถานีโทรทัศน์ของอิหร่านรายงานกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านหรือไออาร์จีซี ได้ทำการโจมตีฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในอิรักด้วยขีปนาวุธมากกว่า 10 ลูก พร้อมกับขู่จะมีการตอบโต้ตามมาหากสหรัฐฯ ยังคงทำการรุกรานต่อเนื่อง ทั้งยังประกาศด้วยว่าไออาร์จีซีจะทำการโจมตีประเทศในภูมิภาคซึ่งเป็นเวทีให้สหรัฐฯ ใช้ในการรุกรานประเทศอื่นด้วย


อรชุน

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ยังคงมีสัญญาณไม่น่าไว้วางใจต่อเนื่อง เมื่อล่าสุด สถานีโทรทัศน์ของอิหร่านรายงานกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านหรือไออาร์จีซี ได้ทำการโจมตีฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในอิรักด้วยขีปนาวุธมากกว่า 10 ลูก พร้อมกับขู่จะมีการตอบโต้ตามมาหากสหรัฐฯ ยังคงทำการรุกรานต่อเนื่อง ทั้งยังประกาศด้วยว่าไออาร์จีซีจะทำการโจมตีประเทศในภูมิภาคซึ่งเป็นเวทีให้สหรัฐฯ ใช้ในการรุกรานประเทศอื่นด้วย

เห็นชาวอิหร่านที่แห่แหนไปไว้อาลัยให้กับนายพลผู้จากไปแล้ว ต้องยอมรับว่างานนี้แม้จะไม่บานปลายใหญ่โตไปถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ก็ทำให้เชื่อได้ว่าโลกคงไม่สงบสุขไปอีกนาน โดยเฉพาะสหรัฐฯ จะต้องระแวดระวังสารพัด ซึ่งนั่นก็ถือเป็นสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบต่อผลแห่งการตัดสินใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ประเทศในภูมิภาคที่ห่างไกลอย่างไทยแลนด์ หลายคนงุนงงสงสัยต่อสัญญาณที่ส่งมาจาก ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศต้องการอะไร

กับการที่ป่าวประกาศผ่านสื่อว่า สหรัฐฯ แจ้งมายังประเทศไทยว่าจะมีการโจมตีดังกล่าวล่วงหน้า 1 วัน เสมือนเป็นการโชว์โอ้อวดว่าพี่เบิ้มของโลกให้ความสำคัญกับประเทศนี้ประดุจดั่งมิตรแท้ที่ต้องบอกกันก่อน ทว่า เหมือนจะรู้สิ่งที่รัฐมนตรีพูดไปนั้นไม่ได้ผลดีต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรีบออกมาปฏิเสธทันควัน เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบก่อนแต่อย่างใด

น่าแปลกใจว่าคนที่เป็นระดับเสนาบดีไม่ได้สำเหนียกหรืออย่างไรว่า คำพูดที่หลุดจากปากไปนั้นผลกระทบที่จะตามมาเป็นอย่างไร ทำตัวเป็นพวกขี้อวดโชว์เหนือเหมือนอย่างที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทำอยู่หรืออย่างไร ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา น่าอายขนาด วัน อยู่บำรุง ส.ส.หน้าใหม่ลูกชายของ เฉลิม อยู่บำรุง คนที่ถูกปรามาสว่าไม่น่าจะรุ่งในทางนี้ ยังมองขาดโดยตั้งคำถามกลับดอนว่า ถ้ารู้ก่อนเกิดเหตุจริงเราควรปิดปากให้สนิทหรือเปล่า ออกมาพูดเพื่อ ชักศึกเข้าบ้านเรียกแขกของแท้

นิสัยเชลียร์จนเคยตัวบางทีมันก็แก้ไม่หาย ซี่งต้องรู้จักแยกแยะให้ได้ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับความเสียหายของประเทศ เหมือนอย่างที่ท่านผู้นำคอยพล่ามอยู่ตลอดเวลา เพราะความที่การโชว์เหนือของรัฐมนตรีต่างประเทศรอบนี้ ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อเสนอ ปณิธาน วัฒนายากร ที่เรียกร้องให้รัฐบาลส่งสัญญาณให้ประเทศในอาเซียนส่งสัญญาณไปถึงสหรัฐฯ ประนีประนอมหรือพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสืบทอดอำนาจเสียงปริ่มน้ำ คงไม่ได้อินังขังขอบแต่ปัญหาภายนอกใด ๆ  ลำพังการวิ่งแก้ปัญหาภายในอันหมายถึงพรรคร่วมรัฐบาลและคนกันเองก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว วันนี้สิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นกังวลอย่างมากก็คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน เป็นความไม่สบายใจไม่ใช่เพราะเสียงที่จะยกมือหนุน เพราะพรรคสืบทอดอำนาจก็เพิ่งได้งูเห่าจากอนาคตใหม่อย่าง ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรีมาเข้าคอกอีกราย

ความกังวลใจที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวผู้ถูกอภิปรายต่างหาก เพราะจำนวนที่มีการเปิดเผยมาพุ่งเป้าไปที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและบริวารแวดล้อมตั้งแต่สมัยเผด็จการคสช.โดยตรง หากงานนี้ไม่มีรัฐมนตรีในซีกของพรรคร่วมขึ้นเขียงร่วมด้วย ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า พรรคฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่การจับอดีตหัวหน้าคสช.พร้อมคณะขึงพืด ถลกหนังเรื่องของผลประโยชน์ที่เอื้อให้กับพวกพ้อง นายทุน เจ้าสัว ตั้งแต่คราวมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน

แม้จะใช้กลเกมว่าอย่าไปแตะรัฐบาลในอดีต ต้องอภิปรายในกรอบของรัฐบาลที่เพิ่งทำงานมา 5 เดือนนี้เท่านั้น ซึ่งคนที่จะตัดสินใจว่าฝ่ายค้านอภิปรายย้อนอดีตได้หรือไม่คือประธานในที่ประชุม ซึ่งในที่นี้ก็คือ ชวน หลีกภัย เป็นหลักก่อน หากย้อนกลับไปถึงการซักฟอกในสภาเมื่อครั้งอดีต ก็จะเห็นได้ว่ามีการอ้างอิงข้อมูลหลายอย่างเพื่อชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือรัฐมนตรีในปัจจุบัน อันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้

เมื่อหลักการมันถูกปฏิบัติกันมาเช่นนั้น จอมหลักการอย่างชวนกล้าที่จะเปลี่ยนหรือหักหาญพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะทุกการตัดสินใจมันจะเป็นผลผูกพัน สร้างบรรทัดฐานไว้ในสภาไปตลอด พอมองไปถึงตรงนั้น บรรดาองครักษ์พิทักษ์ผู้นำเผด็จการที่แตะต้องไม่ได้ก็คงต้องหันไปล็อบบี้และไล่บี้กับพรรคต้นสังกัดของประธานสภา อย่าได้เคร่งครัด ยึดหลักการจนทำให้พรรคแกนนำรัฐบาลต้องได้รับความเสียหาย มิเช่นนั้น จะอยู่ร่วมชายคากันลำบาก

ตรงนี้ก็จะเป็นจุดวัดใจหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อย่าง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ อีกกระทอก จะถอยหลังสั่งการให้ผู้อาวุโสของพรรค ทิ้งหลักการแล้วเลือกพวกกู” หรือจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ จากนั้นค่อยไปแสดงออกถึงความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ดีในช่วงของการยกมือไว้วางใจกันอีกที งานนี้ยังมีเกมให้เกิดการต่อรองกันอีกหลายยก เพราะการเปิดแผลรอบนี้ของพรรคฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งหวังที่จะล้มรัฐบาลเนื่องจากไม่มีทางเป็นไปใด้ในทางการเมืองอยู่แล้ว

การซักฟอกของฝ่ายค้านรอบนี้เพื่อเปิดประเด็น ขีดเส้นใต้ให้สังคมเห็นความไม่ชอบมาพากล การเอื้อประโยชน์พวกพ้อง นายทุนของเผด็จการสืบทอดอำนาจ และอาจนำไปสู่กระบวนการร่วมกันตรวจสอบของภาคประชาชน ถ้าทำได้ถึงจุดนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ก็ยังมีโจทย์ใหญ่สำหรับฝ่ายค้านอยู่คืออนาคตของพรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ในกำมือของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่รู้ว่าจะถูกยุบหรือไม่อย่างไร ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสืบทอดอำนาจ

กระนั้นก็ตาม ปิยบุตร แสงกนกกุล ดาวรุ่งประจำสภา ณ พ.ศ.ที่ผ่านมาประกาศกร้าว หากมีการตั้งธงยุบอนาคตใหม่เพื่อหวังที่จะให้ตัวเองและ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หยุดความเคลื่อนไหวทางการเมืองถือว่าคิดผิด นอกจากหยุดไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะย่อยสลายส.ส.ของพรรคได้ เพราะทุกคนจะย้ายไปอยู่พรรคเดียวกันทั้งหมดหากไม่ถูกตัดสิทธิ์พร้อมกันไปด้วย ถือเป็นการประกาศท้าทาย ท่ามกลางความคลางแคลงใจของสังคมที่มีต่อกระบวนการนำไปสู่การเอาผิดแกนนำและพรรคน้องใหม่แห่งนี้

Back to top button