หุ้นตัวกลาง-เล็กลูบคมตลาดทุน
คุยและอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายโบรกฯ
คุยและอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายโบรกฯ
ส่วนใหญ่หันมาแนะนำซื้อหุ้นขนาดกลางและเล็กมากขึ้น
เหตุผลก็คือ ผลตอบแทนเงินปันผลคิดออกมาแล้ว มีเปอร์เซ็นต์เยอะกว่าหุ้นขนาดใหญ่หลายๆ ตัวซะอีก
จริงแล้วคำแนะนำเล่นหุ้นตัวขนาดกลางและเล็ก เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 1 แล้วล่ะ อย่างโบรกฯ บางแห่งเคยทำแต่บทวิเคราะห์กับหุ้นตัวใหญ่ ก็ต้องหันมาทำบทวิเคราะห์ตัวขนาดกลางและเล็กมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ มอร์นิ่งสตาร์ ก็เคยโชว์ตัวเลขของกองทุนต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก
ในช่วงครึ่งปีแรกกองทุนสมอลแคปปั้นผลตอบแทนได้เฉลี่ย 3.38%
นี่เขานับจากต้นปี 2558 นะ
และในระหว่าง 6 เดือนที่ว่านั้น เคยปั้นผลตอบแทนได้สูงสุด 15% และต่ำสุดติดลบ 2.80%
แต่หากเป็นผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ 6.67% ย้อนหลัง 3 ปี ผลตอบแทน 13.42% และย้อนหลัง 5 ปี ผลตอบแทน 17.43%
ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับ
กองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ต่างให้ผลตอบแทนต่ำกว่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กในทุกช่วงปี
อย่างหากนับจากต้นปีนี้ ผลตอบแทนอยู่ที่ 1.11%
ย้อนหลัง 1 ปี ผลตอบแทน 3.72% ย้อนหลัง 3 ปี ผลตอบแทนลบ 10.43% และย้อนหลัง 5 ปี ผลตอบแทน 15.40%
ปกติแล้วการคัดเลือกหุ้นของบรรดากองทุนทั้งหลาย เขาก็จะคัดแล้วคัดอีก ไม่ใช่หุ้นอะไรก็ได้ หรือซี้ซั้วซื้อๆ ไป ต้องดูทั้งผลงานที่ผ่านมา และแนวโน้มโน้มธุรกิจ
ผลที่ออกมาแบบนี้แสดงให้เห็นว่าหุ้นขนาดใหญ่เสน่ห์ลดลง
และหุ้นขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่ของวิเศษอีกต่อไป หรือขึ้นชื่อว่าเป็นหุ้นในกลุ่มบลูชิพ ตัวเป้งๆ แล้วจะต้องดีไปทั้งหมด
ไปดูภาพยนตร์เรื่อง Ant-Man (2015) มนุษย์มดมหากาฬกันหรือยัง
ปกติแล้ว ภาพยนตร์แนวการต่อสู้กับสิ่งที่เป็น (มนุษย์) เครื่องจักรกล เขาก็จะทำให้มนุษย์นั้นๆ หรือหุ่นยนต์นั้น หรือแม้กระทั่งสัตว์ประหลาด เช่น Godzilla ต้องดูตัวใหญ่ๆ ใช่ไหม
เพราะการต่อสู้นั้น ตรรกะความคิดของเราคือ “ใครใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบ”
แต่สำหรับหนังเรื่อง Ant-Man ได้ทำลายตรรกะความคิดแบบนั้นโดยสิ้นเชิง
นั่นเพราะคนตัวเล็ก (ขนาดจิ๋ว) ก็มีความสามารถอันน่าอัศจรรย์ได้ และค้นคว้าหาความเป็น “ฮีโร่” ในตัวเองได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ
เช่นเดียวกับหุ้นขนาดกลางและเล็กก็มีศักยภาพในตัวเองที่น่าสนใจไม่แพ้เช่นกัน
ในรอบ 6 เดือนนั้น มีเม็ดเงินไหลเข้าในกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กบวกขึ้นกว่า 5.6 พันล้านบาท
สวนทางกลับหุ้นขนาดใหญ่ที่เม็ดเงินไหลเข้าติดลบ 3.2 พันล้านบาท
เม็ดเงินที่ว่านี้เขาไม่ได้นำกองทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟมารวมด้วยนะ
การลงทุนของบรรดากองทุน จากเดิมจะเลือกลงทุนในหุ้น SET50 ก็ปรับมาเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET100 มากขึ้น รวมถึงหุ้นที่อยู่ในตลาด mai ที่มีหลายตัวผลประกอบการดี ปันผลสูง
หุ้นตัวกลางและเล็ก นักลงทุนต่างชาติถือน้อยอย่างที่พอรับทราบกัน
หากเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ต ลดหรือขายหุ้นตัวใหญ่ๆ พวกหุ้นตัวกลางและเล็ก ก็เลยกลายเป็นหุ้นปลอดภัยไปโดยปริยาย
ทนต่อแรงเสียดทานความผันผวนของตลาดได้
แถมราคาหุ้นตอนนี้ถือว่าถูกกว่าหุ้นขนาดใหญ่เสียอีก
ปัญหาคือ หุ้นตัวกลางและเล็ก หลายตัวมีสภาพคล่องต่ำ แต่หากหันมาซื้อ-ขายกันมากขึ้น ก็จะทำให้หุ้นมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นมาโดยธรรมชาติ
แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยนั่นแหละ
ว่าจะช่วยให้หุ้นขนาดกลางและเล็ก หลายๆ ตัว ที่พื้นฐานดี มาเป็นที่สนใจของนักลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน