พาราสาวะถี
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 และ 3 จบกันวันนี้แน่นอน ที่เห็นใส่กันยับโดยเฉพาะงบของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ มันเป็นบทที่จะต้องเล่นของพรรคฝ่ายค้าน แต่สุดท้าย เมื่อต้องยกมือโหวตเชื่อขนมกินได้ว่าไร้ปัญหา โดยที่ซีกรัฐบาลไม่ต้องกังวล เห็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ให้ฟรีโหวตไม่ว่าจะออกตัวอย่างไร ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลรออยู่ทางสะดวก
อรชุน
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 และ 3 จบกันวันนี้แน่นอน ที่เห็นใส่กันยับโดยเฉพาะงบของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ มันเป็นบทที่จะต้องเล่นของพรรคฝ่ายค้าน แต่สุดท้าย เมื่อต้องยกมือโหวตเชื่อขนมกินได้ว่าไร้ปัญหา โดยที่ซีกรัฐบาลไม่ต้องกังวล เห็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ให้ฟรีโหวตไม่ว่าจะออกตัวอย่างไร ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลรออยู่ทางสะดวก
มีก็แต่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และส.ส.พรรคเสรีรวมไทยเท่านั้น ที่ยังกระต่ายขาเดียวไม่ร่วมสังฆกรรมกับกระบวนการพิจารณาหนนี้ ด้วยจุดยืนที่ว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ดังนั้น กระบวนการหลังจากนั้นจึงเชื่อว่าเป็นไปโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าตัวก็ขู่ว่าส.ส.รายใดที่ยกมือผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ระวังตัวให้ดี ตนจะดำเนินคดีตามกฎหมายหมดทุกราย
ถือเป็นความเห็นในข้อกฎหมาย สุดท้ายอยู่ที่ผู้วินิจฉัย คนส่วนใหญ่เห็นปลายทางกันอยู่แล้วว่าจะลงเอยอย่างไร พรุ่งนี้วันเด็กแห่งชาติเป็นโอกาสที่เด็กจำนวนหนึ่งที่จะได้สัมผัสเก้าอี้ผู้นำประเทศครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนกิจกรรมก็จัดกันทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ฮอตฮิตมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันคือคำขวัญของผู้นำประเทศเพื่อให้เด็กท่องไว้ไปแลกของขวัญ ของรางวัล ปีนี้ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคิดออกมาว่า “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย”
ไม่วิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นมุมมองของผู้นำแต่ละยุคแต่ละสมัย หัวใจสำคัญของการพัฒนาเด็กไม่ได้อยู่ที่คำขวัญ หากแต่เป็นความตั้งใจคิดและผลิตนโยบายเพื่อการเสริมสร้างความรู้ ส่งเสริมศักยภาพของเด็กไทยให้รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกับโลกยุคใหม่ได้นั่นเป็นสิ่งสำคัญ ถามจริง ๆ วันที่เด็กเก่งเกือบพันคนเข้าพบท่านผู้นำเพื่อรับรางวัลจากความรู้ ความสามารถที่สร้างชื่อเสียงให้กับท้องถิ่นและประเทศชาตินั้น ได้อะไรจากโอวาทของท่านผู้นำบ้าง
ด้วยความเครียดส่วนตัวที่ตัวเองเผชิญตั้งแต่สวมหัวโขนผู้นำเผด็จการจนมากระทั่งเวลานี้ สิ่งที่พล่ามออกไปคือการระบายและใช้ประเด็นทางการเมืองที่พูดทุกเวที หวังว่าจะให้เด็กมาเป็นแนวร่วม รวมถึงดึงผู้ปกครองมาเป็นกองเชียร์ ไม่ผิดที่เมื่อมีโอกาสจะต้องใช้มันแต่ไม่ควรจะพร่ำเพรื่อและตอกย้ำจนทำให้คนเบื่อหรือไม่ คิดดี ทำดี อย่าสร้างความแตกแยก แล้วทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิม ฟังกันมาเกือบ 6 ปีแล้ว ถามว่ามันมีอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องทางการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ การเล่นเกมการเมืองยังคงเกิดขึ้นและดูท่าจะหนักหน่วง เลอะเทอะกว่าการเมืองในยุคที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเคยด่าทอต่อว่าทั้งชั่วทั้งเลวเสียอีก ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทั้งแจกกล้วย ซื้องูเห่า มิหนำซ้ำ ยุคที่อ้างว่าการเมืองผ่านการปฏิรูปมาแล้ว ความจริงฝ่ายบริหารต้องแกนหลักในการที่จะแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างเริ่มจากกรณีของ ดอน ปรมัตถ์วินัย ก่อนเป็นไง
จากกรณีให้สัมภาษณ์อ้างว่าสหรัฐอเมริกาแจ้งเตือนมายังประเทศไทยล่วงหน้า 1 วันก่อนที่จะเปิดปฏิบัติการปลิดชีพนายพลอิหร่าน หลังจากนั้นก็ถูกตั้งคำถามจากสังคมอย่างหนาหูพูดเพื่ออะไร เรียกแขกชักศึกเข้าบ้านใช่หรือไม่ พร้อม ๆกับข้อเรียกร้องให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ พิจารณาสถานะของรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ ควรจะให้ร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่ การเปิดประเด็นเช่นนี้ไม่มีทางที่จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน
สุดท้าย ผู้นำก็ปิดปากเงียบ ส่วนคนที่พูดก็บอกง่าย ๆ สิ่งที่ปรากฏในข่าวมาจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่มีใครแจ้งการปฏิบัติการให้ไทยทราบก่อนแต่อย่างใด จบกันเท่านี้หรือ ซึ่งมันคงไม่แปลกหากจะไปถามหาความรับผิดชอบจากคนที่เคยผุดวลี “ผมไม่มีสปิริตเพราะไม่ใช่นักกีฬา” แต่ในฐานะผู้นำประเทศจะปล่อยให้คนที่เป็นถึงรัฐมนตรีต่างประเทศมาสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาดอย่างมหันต์แบบนี้ไม่ได้ เช่นนี้จะถือเป็นข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์หรือเปล่า พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ น่าจะลองตรวจสอบหน่อยก็ดี
ปีสุดท้ายแล้วสำหรับเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของ “บิ๊กแป๊ะ” พลเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ทำท่าว่าไม่น่าจะเจออุปสรรคหรือปัญหาใด ๆ แต่เหตุคนร้ายบุกสาดกระสุนใส่รถหรูของ “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจโทสุรเชษฐ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้เป็นประเด็นร้อนทันที เมื่อคนที่ถูกย้ายฟ้าแลบแล้วเก็บตัวเงียบมาแรมปี ไม่ยอมซุกตัวอยู่ในมุมมืดอีกต่อไป ให้สัมภาษณ์สื่อพร้อมเปิดประเด็นของการถูกลอบทำร้ายหนนี้
สิ่งที่บิ๊กโจ๊กฟันธงว่าเป็นสาเหตุต่อการลอบยิงครั้งนี้คือปมสมัยที่นั่งเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหรือสตม. ที่ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้บอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ หรือโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลไบโอเมทริกซ์ ด้วยเหตุที่ว่ามีการส่งมอบล่าช้า ใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ข้อมูลไม่เชื่อมโยงระบบ
โดยที่เรื่องดังกล่าวอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของป.ป.ช. และบิ๊กโจ๊กเป็นบุคคลที่จะถูกเรียกไปให้ข้อมูลด้วย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ว่ากันไปตามขั้นตอน ที่ต้องขีดเส้นใต้คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดอดีตนายตำรวจที่ถือเป็นลูกรักของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พาดพิงถามหาความรับผิดชอบจากผบ.ตร.ต่อคดีของตัวเองที่จนป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าทั้งที่เป็นเรื่องอุกอาจ เท่านั้นแหละมันจึงทำให้สังคมมองไปยังภาพบางอย่างที่ถูกซุกซ่อนไว้ก่อนหน้านี้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังปรากฏคลิปเสียงบทสนทนาที่รองโฆษกสตช.ยอมรับแล้วว่าเป็นเสียงของผบ.ตร.คุยกับ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร.ในทำนองไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีบิ๊กโจ๊กถูกลอบยิง มันจึงยิ่งทำให้เห็นความไม่ปกติในหลาย ๆ เรื่อง งานนี้อยู่ที่ว่าพลเอกประวิตรจะเรียกน้องรักทั้งสองรายไปไกล่เกลี่ยให้เลิกบาดหมางกันได้หรือไม่ เพราะหากปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างพูดต่างฝ่ายต่างแสดงออก บางทีจากเรื่องเดียวที่ควรจะเงียบ มันจะมีอะไรโผล่ตามมาเป็นระลอก ซึ่งพวกที่ไม่ชอบการตรวจสอบคงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น