ขึ้นขาย ลงซื้อ
*ก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” มีความเชื่อมั่นส่วนตัวลึก ๆ ว่าการลงทุนในปีนี้ไม่ใช่หมู ๆ และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็ยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะทีแรกก็คิดว่ากองทุนในประเทศจะเป็นคนดันหุ้นขึ้นสูง แต่กลายเป็นว่ากองทุนในประเทศเริ่มหันมาขายหุ้น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศก็สบช่องขายหุ้นทำกำไรไปตั้งแต่ไก่โห่ ส่งผลให้ความหวังที่จะได้เห็น January effect แบบเต็มรูปแบบต้องรอไปก่อนเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” มีความเชื่อมั่นส่วนตัวลึก ๆ ว่าการลงทุนในปีนี้ไม่ใช่หมู ๆ และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็ยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะทีแรกก็คิดว่ากองทุนในประเทศจะเป็นคนดันหุ้นขึ้นสูง แต่กลายเป็นว่ากองทุนในประเทศเริ่มหันมาขายหุ้น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศก็สบช่องขายหุ้นทำกำไรไปตั้งแต่ไก่โห่ ส่งผลให้ความหวังที่จะได้เห็น January effect แบบเต็มรูปแบบต้องรอไปก่อนเจ้าค่ะ
*เนื่องจากกระบวนการในตอนนี้เป็นการทดสอบกำลังใจของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ยังมั่นคงและเหนียวแน่นกับตลาดหุ้นไทยเพียงใด ?? พร้อมกันนั้นยังเป็นการตอกย้ำ “ขาขึ้นหุ้นไทย” จะเกิดขึ้นได้อีกไหม ??..เหล่านี้เป็นเนื้อเรื่องที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจก่อนเป็นลำดับแรก เพราะเรื่องดังกล่าวจะเป็นคีย์หลักที่ทำให้ทุกคนมองเห็นภาพการลงทุนนับจากนี้ได้ชัดเจนขึ้น..ทราบแล้วบอกต่อด้วยค่ะ
*ประเด็นที่ต้องขบคิดกันต่อไปก็คือ บริษัทหลายแห่งเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับโครงการในอนาคต และยังไม่รู้คำตอบว่าเรื่องดังกล่าวจะออกมาในรูปไหน (สุข เศร้า เหงา ทุกข์) “โมนิก้า” ถึงกระตุ้นให้นักลงทุนเลือกหุ้นที่มีรายได้ประจำเป็นหลัก เพราะอย่างน้อยก็ประเมินสถานการณ์จะเป็นแบบไหนได้ง่ายกว่า แถมหุ้นกลุ่มดังกล่าวก็เด้งขึ้นไวเมื่อบรรยากาศการลงทุนเป็นใจนะจะบอกให้
*ทำคะแนนจะแจ้งกว่าใครทั้งหมด “โมนิก้า” ต้องยกตำแหน่งดังกล่าวให้กับ BGRIM หลังเทกตัววิ่งผ่านยอดเดิมบริเวณ 57 บาทได้อย่างชิว ๆ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 57.75 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 968 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่าการวิ่งขึ้นรอบนี้คงไม่หยุดง่าย ๆ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่บรรดากองเชียร์จะแห่ตามไปดูกันอีกวัน เพราะราคาเป้าจริง ๆ อยู่สูงกว่านี้เยอะนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BAM ถูกยกให้เป็นหุ้นน่าลงทุนมากสุดในปี 2563 ล้วนเป็นผลมาจากหนี้เสียในปีนี้น่าจะมีเยอะ ซึ่งเป็นโอกาสทองของบริษัทที่จะ “ช้อปหนี้ถูก ไปขายแพง” บรรดาผู้เล่นสำนักต่าง ๆ ถึงกระโจนเข้าใส่อย่างสนุกสนาน จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 22.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.78 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high เป็นว่าเล่นแบบนี้..วันนี้ซัดกันต่อแน่ ๆ เจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ WHA เริ่มมีความหวังจะได้เห็นหุ้นฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจังก็คราวนี้แหละ! เพราะแรงซื้อที่มีเข้ามาค่อนข้างหนาแน่น แถมเป็นไล่ซื้อทีละสเต็ป ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนหุ้นบางตัว “โมนิก้า” ถึงมองการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.66 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาท น่าจะเป็นช็อตของการไหลตามน้ำได้แบบสบาย ๆ เพราะราคาหุ้นวันนี้เทรดบนค่า P/E 15 เท่าเองนะคะ
*ไหน ๆ มองหุ้นที่น่าจะฟื้นกันทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปมองหุ้นบัตรเครดิต KTC เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้คนที่ชอบเล่นกับอนาคต เพราะแรงเทขายเริ่มเบาลง ขณะที่แรงซื้อเริ่มหนาแน่นขึ้น เดี๊ยนถึงประเมินราคาปิดที่ 36.25 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 235 ล้านบาท ยังเป็นช็อตที่นักเล่นเข้าเล่นได้แน่ ๆ ส่วนจะจริงเท็จขนาดไหน ? คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะจะบอกให้
*ส่วนรายที่มาแบบเนิบ ๆ อย่างเช่น TISCO เดี๊ยนมาเห็นอีกทีราคาหุ้นก็ขึ้นมาทำ all time high ด้วยการปิดที่ 104.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 485 ล้านบาทเสียแล้ว “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ทำให้เชื่อว่า เมื่อมีจุดสูงสุดใหม่แล้ว น่าจะมีจุดสูงสุดใหม่เกิดขึ้นอีก เดี๊ยนถึงกล้าแนะนำให้นักเล่นเพิ่มน้ำหนักในหุ้นตัวนี้ หากเห็นว่าคำพูดของอีฉันมีประโยชน์ต่อการลงทุนเจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงประโยชน์ของการเล่นหุ้นเด่นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็อยากให้นักเล่นมองหุ้น YGG ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับการเล่นสักหน่อยดีกว่า เพราะพรายกระซิบแอบเม้าท์ให้ฟังว่า การได้เม็ดเงินระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้รายได้และกำไรของบริษัทโตกระโดด จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการเล่นยาว ๆ เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมองราคาปิดที่ 5.40 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71 ล้านบาท อาจดูสูงเกินไปในตอนนี้ แต่ในอนาคตอาจไม่ใช่เช่นนี้ก็ได้นะจ๊ะ
*ตบท้ายกันที่ควันหลงก.ล.ต. หลังจากออกโรงเตือนนักลงทุนก่อนจะโหวตผ่านให้กับ MACO ซื้อหุ้น “ฮัลโล บางกอก” พร้อมกับชี้ให้เห็นบริษัทที่ถูกซื้อมีป้ายเถื่อนเป็นจำนวนมาก เท่ากับเป็นการชี้ให้เห็นว่า วันนี้มีการลักลอบทำผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นชนวนเหตุทำให้แมงลือเม้าท์กันให้แซดว่า พฤติกรรมคนเข้าซื้อก็คงไม่ต่างกันกระมัง! เลยมีการเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าวแถลงไขเรื่องนี้ให้ชัดเจนหน่อย ทุกภาคส่วนจะได้สิ้นสงสัยพะยะค่ะ